สตรอว์เบอร์รีเจเนอเรชัน ความบอบบางที่สังคมตัดสิน

A A
Nov 10, 2021
Nov 10, 2021
A A

        สตรอว์เบอร์รีเจเนอเรชัน ถูกใช้เรียกชื่อกลุ่ม Gen Y (ผู้ที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2523 ถึงปี พ.ศ. 2540) ในช่วงที่ผ่านมา ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?

        เพราะผลสตรอว์เบอร์รีสดมีความสวยงาม สีสันสดใส ผิวของมันบอบบาง มีราคา และต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ หลายคนเลยเอาไปเปรียบเทียบกับกลุ่ม Gen Y เพราะการถูกเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมจากพ่อแม่ การได้รับการเอาใจใส่ และถูกตามใจ ถูกมองจากสังคมว่าเป็นเจเนอเรชันที่มีความเปราะบาง ห้ามทำให้บอบช้ำทั้งทางร่างกายและจิตใจ เช่นเดียวกับผลสตรอว์เบอร์รี จนกลายเป็นฉายา “สตรอว์เบอร์รีเจเนอเรชัน”

        หากจะตัดสินว่า สตรอว์เบอร์รีเจเนอเรชัน คือคุณหนู รักสบาย ห้ามขัดใจ และพร้อมระเบิดอารมณ์ได้ตลอดเวลา อาจจะไม่ยุติธรรมนัก เพราะย้อนกลับไปในวัยเด็ก เขาคือผ้าขาวของพ่อแม่ Gen X และเป็นหลานของ Baby Boomer พ่อแม่ Gen X ที่เกิดและโตมาในยุคเศรษฐกิจเฟื่องฟู ซึ่งส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จและมีหน้าที่การงานที่ดี ทำให้ Gen Y ได้รับการตามใจจากพ่อแม่ ถูกเลี้ยงดูด้วยอุปกรณ์ไอที โลกโซเชียลคือเพื่อนสนิท ที่ส่งผลให้ขาดการเข้าสังคม และลดการนับถือตนเอง (Self-esteem) เมื่อเปรียบเทียบตนเองกับชีวิตเพื่อนในสังคมออนไลน์ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดโรคซึมเศร้า

        ในขณะเดียวกันผลสำรวจบุคลิกภาพและสังคมจิตวิทยา ที่เผยแพร่ในนิตยสารไทม์ ฉบับเดือนพฤษภาคม ปี 2013 ของมหาวิทยาลัยซานดิเอโกสหรัฐ พบว่ากลุ่มสตรอว์เบอร์รีเจเนอเรชัน มีลักษณะเฉพาะตัวคือหลงตัวเอง (Narcissism) มีความเชื่อมั่น และมองว่าตัวเองเป็นศูนย์กลาง นักวิชาการบางท่านนิยามศัพท์ว่าเป็น Gen Net / IGen คือเป็นกลุ่มที่มีความสามารถและเชี่ยวชาญบนโลกโซเชียล และเทคโนโลยี มีความคล่องตัวสูงในการปรับตัวเข้ากับการเจริญทางเทคโนโลยีของโลก เป็นประชากรกลุ่มใหญ่และจะเป็นผู้นำรุ่นต่อไปในการพัฒนาโลกยุคดิจิทัลนั่นเอง

มุ่งมั่นพร้อมทุ่มเท
        จากงานวิจัยของสำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ร่วมกับบริษัทศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ (SAB) ศึกษาทัศนคติและปัจจัยด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย ปี พ.ศ. 2561 จากจำนวน 3,734 ตัวอย่าง ในพื้นที่ 12 จังหวัด ในการสัมภาษณ์เชิงลึก พบว่า ทัศนคติ ปัจจัยและเงื่อนไขการสร้างครอบครัว และแนวทางการดำเนินชีวิตนั้นแตกต่างจากคนรุ่นก่อนอย่างชัดเจน คือ มีความทะเยอทะยาน มีความมุ่งมั่นและทุ่มเทต่อความสำเร็จ รักที่จะก้าวหน้าในอาชีพ ต้องการรูปแบบชีวิตที่มีความยืดหยุ่น และท้าทายในการแสวงหาโอกาสในการทำงาน รวมถึงมีความเป็นปัจเจกบุคคลสูง ขณะเดียวกันมีแนวคิดที่ยอมรับการเป็นคู่รักเพศเดียวกันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจมีผลต่อการสร้างครอบครัวและการมีบุตร

ประโยคฮิตในที่ทำงาน เมื่อมีความต่างของ Generation
        “ทำงานกับเด็กสมัยนี้” “เมื่อผมอายุเท่าคุณ” “ย้อนกลับไปวันนั้น” “แบบที่บริษัทเราเคยทำ” และอีกหลายประโยคฮิตติดปากในที่ทำงาน บทสนทนาหรืออาจจะมองว่าเป็นคำแนะนำที่คนรุ่นก่อนมอบให้กับสตรอว์เบอร์รีเจเนอเรชัน คงไม่ผิดนักที่ประโยคเหล่านี้จะเกิดขึ้น เพราะประสบการณ์ ความสำเร็จ ความภาคภูมิใจจากความทุ่มเท ความอดทนเพื่อให้งานประสบความสำเร็จ และรักในองค์กร พร้อมเชื่อฟังผู้ใหญ่ที่ให้คำแนะนำ ในขณะที่สตรอว์เบอร์รีเจเนอเรชัน ที่มีลักษณะการทำงานชอบทางลัด สะดวก รวดเร็ว ด้วยเทคโนโลยีเพื่อให้งานสำเร็จ ชอบการทำงานที่มีเวลางานยืดหยุ่น วัดกันที่ผลงาน พอใจกับงานที่สบายพร้อมกับค่าตอบแทนที่สูง งานหนักต้องมาพร้อมกับผลตอบแทนที่ตนพอใจ มีความกล้าแสดงออก มีความคิดอิสระ ไม่แคร์ต่อคำวิจารณ์

        ด้วยบุคลิกการทำงานที่ต่างกัน รูปแบบทางความคิด และทัศนคติที่ไม่เหมือนกัน หล่อหลอมเป็นความขัดแย้งทางความคิด จนบางครั้งอาจมองว่าเป็นการเหยียดอายุของกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่งผลต่อความรู้สึกของคนมาใหม่เหมือนถูกปิดกั้นทางความคิด ไม่ได้รับการยอมรับจากทีม ท้อแท้ เป็นแกะดำ ทำให้ต้องเปลี่ยนงานบ่อย จึงเป็นเรื่องปกติที่จะถูกตัดสินว่าไม่มีความอดทนต่อการทำงาน

ลองสวมรองเท้าของคนอื่นบ้าง
        “Put yourself in someone else’s shoes” หากเราได้ลองสวมรองเท้าของคนอื่นบ้าง แล้วมองจากมุมมองของเขา เราจะเข้าใจความคิด ความรู้สึกของเขามากขึ้น สำนวนนี้ช่วยสะท้อนให้เห็นถึงการเข้าใจ เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน แต่เพราะในสังคมปัจจุบันที่ละเลยสิ่งเหล่านี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่จะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างวัย

ปรับทัศนคติ ปิดช่องว่าง
        ธรรมชาติของ สตรอว์เบอร์รีเจเนอเรชัน ใช้สมองซีกขวาในการทำงาน ซึ่งเป็นส่วนของความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการ หากองค์กรหรือหัวหน้างานดึงจุดเด่นนี้ออกมาใช้อย่างถูกวิธี มอบหมายมากกว่าการสั่งงาน ให้ความรู้สึกมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ตั้งเป้าหมายและเป็นเจ้าของงานเอง พร้อมเปิดโอกาสให้ลุยงานที่ท้าทาย เพื่อให้เห็นว่าเรายอมรับ เพื่อให้แสดงความสามารถและรับผิดชอบได้อย่างเต็มที่ สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างแรงดึงดูดให้พวกเขารัก และอยู่ต่อกับองค์กรมากขึ้น

        หากคนรุ่นก่อนยอมรับและเข้าใจ พื้นฐานทางสังคม การถูกหล่อหลอมจากวิวัฒนาการในแต่ละช่วงวัยที่ไม่เหมือนกัน และตระหนักว่าสตรอว์เบอร์รีเจเนอเรชัน คือผู้ที่จะมาสานต่อและสร้างความเป็นองค์กรต่อไป การมอบโอกาสเหมือนที่เคยได้รับ ในที่สุดคุณก็จะได้รับการยอมรับจากพวกเขาเช่นกัน หากมองอีกมุม สตรอว์เบอร์รีเจเนอเรชัน คือมนุษย์เทคโนโลยีที่จะมาแลกเปลี่ยนและช่วยเติมเต็มความรู้ที่คุณขาดหายไป หรือลองนำแนวคิดและบุคลิกการทำงานของคนกลุ่มนี้มาสร้างสีสันให้กับตนเองก็น่าสนใจไม่น้อย

        วิวัฒนาการบนโลกใบนี้เกิดจากการส่งต่อความสำเร็จจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อที่จะมุ่งหวังให้ลูกหลานในเจเนอเรชันต่อ ๆ ไป มีอนาคตที่ดี มีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ สามารถตอบสนองต่อความต้องการของมนุษย์ที่ไม่สิ้นสุด เมื่อมาถึงในยุคปัจจุบัน ยุคที่เทคโนโลยีก้าวล้ำจนคนรุ่นก่อนอย่าง Baby Boomer หรือ Gen X บางคนก็ตามไม่ทัน ด้วยวิวัฒนาการของแต่ละรุ่นที่ต่างกัน จึงไม่ยุติธรรมนักหากสตรอว์เบอร์รีเจเนอเรชัน จะมองคนรุ่นก่อนในมุมเดียวว่าไม่รู้เรื่องเทคโนโลยีเอาเสียเลย ตรงกันข้าม สตรอว์เบอร์รีเจเนอเรชัน ต้องไม่ลืมว่ากว่าที่โลกใบนี้จะมีการพัฒนามาถึงจุดนี้ได้ มันคือผลลัพธ์จากวิสัยทัศน์ของคนรุ่นก่อนที่ทำให้เกิดความก้าวล้ำเหล่านี้

        หากแต่ละ Gen มองเห็นจุดที่แตกต่าง ยอมรับในความเป็นเอกลักษณ์ของกันและกัน ในแบบที่เขาเป็น และพยายามมองหาส่วนดี เพื่อร่วมกันทำลายกำแพงที่อยู่ในใจ และเมื่อสตรอว์เบอร์รีเจเนอเรชัน เติบโตขึ้น

        เขาก็จะเป็นคนรุ่นก่อนของคนรุ่นต่อไป และพร้อมที่จะส่งต่อความรู้สึกที่เขาได้รับไปยังคนรุ่นใหม่ได้เช่นกัน

อ้างอิง
https://bit.ly/3qovRyq
https://bit.ly/2YuGhAK
https://bit.ly/3bX41ko

Share

Authors

Authors

RELATED POSTS