เจาะลึกระบบการศึกษา “ลักเซมเบิร์ก”
ราชรัฐขนาดกว่าเล็กหนองคาย กับนโยบายการศึกษาเพื่อสุขภาพจิต
เรารู้จัก “ลักเซมเบิร์ก” กันแค่ไหน
ถ้าถามนักธุรกิจ “ลักเซมเบิร์ก” จะเป็นประเทศ Tax Haven ดินแดนภาษีต่ำ เหมาะแก่การลงทุน
ถ้าถามนักท่องเที่ยว “ลักเซมเบิร์ก” จะเป็นประเทศที่มีระบบขนส่งฟรี และมีพาสปอร์ตที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก
ถ้าถามนักสิทธิมนุษยชน “ลักเซมเบิร์ก” จะเป็นประเทศกลุ่มแรก ๆ ที่ประกาศกฎหมายสมรสเท่าเทียม
ถ้าถามผู้ป่วยระยะสุดท้าย “ลักเซมเบิร์ก” จะเป็นประเทศปลายทางสุดท้ายที่สามารถทำการุณยฆาตได้ถูกต้องตามกฎหมาย
ถ้าเรื่องอื่นล่ะ เรารู้อะไรบ้างเกี่ยวกับประเทศนี้
ประเทศลัมเซมเบิร์ก อยู่ที่ไหน ? ทำไมถึงไม่ค่อยมีใครรู้จัก
ด้านประวัติศาสตร์ในฐานะรัฐเดี่ยวประเทศนี้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ ค.ศ.1815 จากการประชุมครั้งใหญ่ในเวียนนา ปกครองแบบรัฐเดี่ยว ระบบรัฐสภา แบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ ส่วนในด้านภูมิศาสตร์ ราชรัฐลักเซมเบิร์ก เป็นจุดติดต่อระหว่างฝรั่งเศส และเยอรมัน เป็นหนึ่งในประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล มีจำนวนประชากรไม่ถึง 600,000 คน ในพื้นที่ขนาดเล็กมากเพียงแค่ประมาณ 2,600 ตารางกิโลเมตร คิดเป็น 0.5 ของประเทศไทยเท่านั้น เรียกง่าย ๆ ว่าเล็กกว่าบางจังหวัดของเราอย่างหนองคายเสียอีก แต่เรื่องที่น่าสนใจคือถึงแม้ประชากรไม่มากแต่มีระดับความมั่งคั่งสูงติดอันดันโลก และที่มากไปกว่านั้น ถึงแม้จะมีภาษาลักเซมเบิร์กเป็นภาษาประจำชาติ แต่ภาษาเยอรมันและภาษาฝรั่งเศสก็ถูกใช้อย่างแพร่หลายในบริบททางกฎหมายและการปกครอง และทั้งสามภาษามีสถานะเป็นภาษาราชการโดยนิตินัยอีกด้วย
ทำไม ลักเซมเบิร์ก มีภาษาราชการมากถึง 3 ภาษา
หลังจากลักเซมเบิร์กประสบความพ่ายแพ้สงครามหลายครั้งจนตกอยู่ภายใต้การปกครองของชาติต่าง ๆ เช่น สเปน ฝรั่งเศส ออสเตรีย และรัสเซีย จนกระทั่งสิ้นสุดศตวรรษที่ 19 ในปี ค.ศ.1815 ลักเซมเบิร์กได้รับอิสรภาพอีกครั้งจากการประชุมใหญ่เวียนนา ในฐานะรัฐเดี่ยว ระบบรัฐสภา แบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ จนกระทั่งปี ค.ศ.1867 จากสนธิสัญญาลอนดอน ทำให้มีการแบ่งดินแดน และสิทธิในการปกครองตนเอง ทำให้ประชาชนจะประเทศรอบข้างจึงเริ่มอพยพเข้ามาเพิ่มขึ้น จนทำให้มีการหลอมรวมวัฒนธรรมทางภาษาไปโดยปริยาย ซึ่งตามกฎหมาย ผู้อยู่อาศัยทุกคนมีสิทธิที่จะเลือกใช้ภาษาใดภาษาหนึ่งในสามภาษาดังกล่าวในการติดต่อราชการและสถานที่ทั่วๆไป และจะได้รับการบริการเป็นภาษานั้น ๆ อีกด้วยมีจากการสำรวจใน ค.ศ. 2009 ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาที่ประชากรลักเซมเบิร์กส่วนใหญ่มีความถนัดมากที่สุดถึง 99% ตามมาด้วย ลักเซมเบิร์ก 82% เยอรมัน 81% และภาษาอังกฤษ 72 %
เรื่องเอกสารราชการและการติดต่อระดับพิธีการ มักจะใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นหลัก และยังปรากฏตามสื่อบันเทิงในชีวิตประจำวันมากมาย นอกจากนี้ ภาษาฝรั่งเศสยังถูกใช้ในบริบทของการเมือง และกฎหมาย อาทิ การอภิปรายในรัฐสภา, การตัดสินคดีความ, การออกเอกสารสำคัญของรัฐบาล เช่น หนังสือเดินทาง และสัญญาการซื้อขายต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งยังไม่นับรวมภาษาท้องถิ่นและภาษาโปรตุเกส ที่เริ่มมีบทบาทสำคัญในลักเซมเบิร์กมากขึ้นจากการมีผู้อพยพชาวโปรตุเกส
Education First สถาบันสอนภาษาอังกฤษระดับโลก ได้เผยแพร่รายงานการจัดอันดับทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของแต่ละประเทศ ประจำปี 2017 โดยสำรวจทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของผู้คนใน 80 ประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก และแบ่งผลการจัดอันดับออกเป็น 5 กลุ่มประเทศ คือ กลุ่มประเทศที่มีทักษะภาษาอังกฤษ สูงมาก สูง ปานกลาง ต่ำ และ ต่ำมาก ซึ่งจากข้อมูลข้างต้น สรุปออกได้ว่า ประเทศที่ประชากรมีทักษะการใช้ภาษาอังกฤษดีที่สุดในโลก คือ เนเธอร์แลนด์ ฟินแลนด์ และลักเซมเบิร์ก
ความลับของการศึกษาที่ดี……มาจากรากฐานของสุขภาพจิต
ด้วยลักษณะประเทศการที่ประเทศมีพื้นที่ปิด ไม่มีทางออกสู่ทะเล จึงผลักดันให้ทำให้ต้องดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจแบบเปิดเสรีทางการเงิน เพื่อดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติเข้ามาและเพื่อในดำเนินนโยบายได้ตามเป้าหมาย ลักเซมเบิร์กจึงค่อย ๆ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ก้าวหน้า ตั้งแต่ ถนน ระบบขนส่ง ระบบการสื่อสาร ระบบการเงิน และนโยบายเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าขาดยุทธศาสตร์สำคัญอย่างพัฒนาแรงงานผ่านระบบการศึกษา
โดยนโยบายการศึกษาส่วนใหญ่ จะขึ้นตรงต่อรัฐบาล มีสวัสดิการเรียนฟรีตั้งแต่อายุ 4 – 16 ปี ซึ่งการศึกษาภาคบังคับจะเป็นลักษณะเน้นความหลากหลายภาษา ตั้งแต่ศึกษาขั้นพื้นฐานระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานของที่นี่มีคำเรียกว่า Lycées จะประกอบไปด้วยโรงเรียนอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา ส่วนในระดับอุดมศึกษาที่นี่จะมีมหาวิทยาลัยเพียงแห่งเดียวเท่านั้น คือ เรียกว่ามหาวิทยาลัยลักเซมเบิร์ก
จุดเน้นที่เป็นเสน่ห์ของการดำเนินนโยบายการศึกษา และอาจเป็นส่วนสำคัญในการทะยานสู่ประเทศติดอันดับโลก เพราะที่นี่มีสุดยอดระบบการดูแลสุขภาพจิต โดยรายงานของ Business Insider ฉบับปี 2017 พบว่าประชากรมีอายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 82 ปี สูงกว่าค่ามาตรฐานปัจจุบันที่ 54 ปี การรักษาสุขภาพจิตลักเซมเบิร์กมุ่งเน้นไปที่รูปแบบการศึกษาเชิงบวกที่สามารถเชื่อมโยงทักษะด้านคุณภาพชีวิตและทักษะแห่งความสำเร็จเข้าด้วยกัน ที่นี่จะสอนให้วัยรุ่นค้นพบจุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์ของตนซึ่งแตกต่างจากวิธีการสอนแบบเดิมที่ส่งเสริมให้เด็กสร้างตัวตนเหมือน ๆ กัน ซึ่งวิธีลักษณะนี้จะช่วยทำลายความเจ็บป่วยทางจิต และสร้างพลเมืองที่มีความสุข และมีคุณภาพมากขึ้น
อ้างอิงจากรายงานการจัดอันดับของ Zipjet สตาร์ทอัพด้านสถิติจากสหราชอาณาจักร เผยแพร่เอกสารงานวิจัยที่ว่าด้วยปัจจัยที่ส่งผลหรือก่อให้เกิดความเครียดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อาทิ อัตราว่างงาน ภาระหนี้สิน ความปลอดภัย ความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา ไปจนถึงปัจจัยเล็ก ๆ เวลาที่แดดส่องซึ่งมีผลต่อสุขภาพของผู้คนมาประกอบการวิจัยด้วย
ในการจัดอันดับครั้งนี้ ลักเซมเบิร์ก เป็นประเทศที่เครียดน้อยที่สุดอันดับ 2 รองจากเมือง สตุ๊ทการ์ท ประเทศเยอรมัน ในขณะที่ กรุงเทพมหานคร อยู่ในระดับกลางค่อนไปทางต่ำในอันดับที่ 104 ใกล้เคียงกับเมืองกาฎมาณฑุ ประเทศเนปาล
เมื่อนักเรียนมีความสุข ทำให้ใคร ๆ ก็อยากเป็นครู
ข้อมูลการสำรวจจากองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ทำจัดอันดับรายได้เฉลี่ยของคุณครูแต่ละประเทศทั่วทุกมุมโลกที่มีรายได้สูงสุด ระบุไว้ว่า ลักเซมเบิร์ก เป็นประเทศที่ครูมีรายได้เยอะที่สุดในโลกโดยค่าเฉลี่ยเริ่มต้นอาชีพอยู่ที่ 182,000 บาท เมื่อทำงานครบสิบปีจะอยู่ที่ 241,000 บาท และเงินเดือนสูงสุดคือ 326,000 บาท
โดยเรื่องวารสารด้านสังคมศาสตร์ Visual Capitalists ได้ขยายความเพิ่มเติมว่า การที่ประชากรในประเทศร่ำรวยส่วนใหญ่ให้คะแนนความสุขในชีวิตประจำวันสูงกว่าประเทศอื่นๆ ที่กำลังพัฒนาหรือยากจน เป็นเพราะประเทศเหล่านี้มีระบบที่ช่วยเหลือและสนับสนุนให้ประชากรของตัวเองมีความปลอดภัยในชีวิตและมีสวัสดิการที่ดีในด้านต่างๆ โดยที่สำคัญสุดคือสวัสดิการด้านสุขภาพจิต
สุขภาพจิต เรื่องไม่เล็กของประเทศเล็ก ๆ ที่ทำให้ “ลักแซมเบิร์ก” ติดอันดับโลกแทบทุกด้าน
และเรื่องทั้งหมดนี้มีจุดเริ่มต้นมาจาก “การวางรากฐานการศึกษา”
อ้างอิง
https://read.oecd-ilibrary.org/education/education-at-a-glance-2016_eag-2016-en#page422
https://en.wikipedia.org/wiki/Education_in_Luxembourg
https://luxembourg.public.lu/en/living/education/fundamental-education.html