ผลสำรวจจากสหรัฐฯพบว่าอาชีพ “ครู” เครียดกว่าคนวัยทำงานอาชีพอื่น
- ครูในสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มที่จะมีอาการวิตกกังวลมากกว่า 40% เมื่อเทียบกับบุคลากรทางการแพทย์ และมากกว่าพนักงานออฟฟิศ 20% และมีความเครียดมากกว่าอาชีพอื่น 30%
- ครูเกือบครึ่งหนึ่งกล่าวว่าการทื่ต้องคอยสนับสนุนหรือดูแลผลการเรียนของนักเรียนเป็นสาเหตุหลักของความเครียด
- ในปี 2024 ความเบื่อหน่าย ความวิตกกังวล และความเครียดอาจเพิ่มขึ้นอีกเพราะเมื่อมีครูลาออกจากงาน ครูที่ยังทำงานอยู่ยังคงต้องทำงานแทนครูผู้สอนที่หายไป ในขณะเดียวกันปริมาณงานก็ไม่ได้ลดลงและเงินเดือนยังคงเท่าเดิมจึงไม่แปลกใจที่ความเหนื่อยหน่ายจะเพิ่มขึ้น
จากการสำรวจพบว่าครูมีแนวโน้มที่จะเครียดมากกว่า คนในอาชีพอื่น ๆ ถึง 2 เท่า โดยครูมีแนวโน้มที่จะเจอสภาวะเหนื่อยหรือซึมเศร้ามากกว่าประชากรวัยทำงานทั่วไป และไม่สามารถรับมือกับความเครียดจากงานได้ จากข้อมูลของ RAND Corp. สำรวจกลุ่มตัวอย่างพบว่าอาชีพครูมีแนวโน้มที่จะเครียด Burnout และมักเผชิญกับความเครียดจากงานอยู่บ่อยครั้ง จากการศึกษาของAmerican Educational Research Association พบว่าครูในสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มที่จะมีอาการวิตกกังวลมากกว่า 40% เมื่อเทียบกับบุคลากรทางการแพทย์ และมากกว่าพนักงานออฟฟิศ 20% และมีความเครียดมากกว่าอาชีพอื่น 30%
สัญญาณเตือนเกี่ยวกับความเครียดของครูมีดังนี้
1.ความอยากอาหารเปลี่ยนไป
2.น้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือลดลง
3.มีความวิตกกังวลหรือซึมเศร้า
4.มีความเหนื่อยล้า
5.การนอนหลับผิดปกติ
6.ผมร่วงผิดปกติ
7.ไม่มีความสุขในการทำงาน
8.ไม่มีความสุขแม้จะอยู่ในวันหยุด
ครส่วนใหญ่ตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นอยู่ที่ดีเพราะความเครียดที่เกิดจากการทำงานบ่อยครั้ง ความสามารถในการรับมือกับความเครียด ซึมเศร้า เบื่อหน่าย ความสามารถในการเยียวยาตัวเองจากความเครียด ครูเกือบครึ่งหนึ่งกล่าวว่าการทื่ต้องคอยสนับสนุนหรือดูแลผลการเรียนของนักเรียนเป็นสาเหตุหลักของความเครียด นอกจากนี้พฤติกรรมของนักเรียนก็ส่งผลให้ครูมีความเครียดด้วยเช่นเดียวกันโรงเรียนมากกว่า 80 % พบว่าเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาพฤติกรรมของนักเรียนแย่ลง โดยผลการศึกษาของ NCES พบว่าพฤติกรรมของนักเรียนแย่ลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการหยุดชะงักในชั้นเรียนเพิ่มขึ้นเนื่องจากการเกเรของนักเรียนในห้อง 56% เกเรนอกห้องเรียน 49% และการไม่เคารพครูมากถึง48% นอกจากนี้ครู 2 ใน 3 ได้บอกว่าการต้องผิดชอบงานอื่น ๆ แทนเจ้าหน้าที่ที่ขาดแคลนทำให้รู้สึกเครียดเช่นเดียวกัน
แหล่งที่มาของความเครียดอันดับต้นๆ สำหรับครู
1.คอยสนับสนุนผลการเรียนของนักเรียน
2.การจัดการพฤติกรรมของนักเรียน
3.รับผิดชอบงานอื่น ๆ เพราะขาดแคลนบุคลากร
4.ดูแลสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ของนักเรียน
5.ใช้เวลาทำงานมากเกินไป
6.เงินเดือนน้อยเกินไป
7.รู้สึกเหมือนไม่สามารถบรรลุเป้าหมายและความคาดหวังของโรงเรียนได้
ในปี 2024 ความเบื่อหน่าย ความวิตกกังวล และความเครียดอาจเพิ่มขึ้นอีกเพราะเมื่อมีครูลาออกจากงาน ครูที่ยังทำงานอยู่ยังคงต้องทำงานแทนครูผู้สอนที่หายไป ในขณะเดียวกันปริมาณงานก็ไม่ได้ลดลงและเงินเดือนยังคงเท่าเดิมจึงไม่แปลกใจที่ความเหนื่อยหน่ายจะเพิ่มขึ้น
สถิติความเหนื่อยหน่าย และความเครียดของครูอันดับต้นๆ ปี 2024
- ครูระดับอนุบาลถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย เป็นอาชีพที่ Burn out มากที่สุดอันดับ 1ในสหรัฐอเมริกา
- 44% ของครูในโรงเรียนอนุบาลถึงมัธยมปลายรู้สึกเหนื่อยล้าอยู่เสมอ
- ครู 90% รู้สึกหมดไฟในการทำงาน
- ครูมากกว่าครึ่งคิดว่าจะออกจากงานเร็วกว่าแผนเดิมที่คิดไว้
- และค่าตอบแทนเป็น เหตุผลอันดับ 1 ที่ครูวางแผนที่จะลาออกจากงาน
โรงเรียนทำอะไรได้บ้าง
โรงเรียนบางแห่งในสหรัฐอเมริกาได้มุ่งเน้นไปที่โปรแกรมการบริการด้านสุขภาพจิตเพื่อช่วยให้ครูรับมือกับความเครียด และลดปัญหาด้านสุขภาพจิตให้เหลือน้อยที่สุด สนับสนุนให้เพิ่มเงินเดือนครู จ้างครูและเจ้าหน้าที่สนับสนุนในส่วนที่ว่างอยู่ และเพิ่มสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อพนักงาน ต้องยอมรับว่าในประเทศไทยความเครียดของครูไทยก็อาจไม่ต่างกันบ้าง เมื่อครูเป็นทรัพยกรที่ผลิตบุคลากรเพื่อมาพัฒนาประเทศชาติในอนาคต การเพิ่มสวัสดิการที่จำเป็นและการดูแลครูก็อาจเป็นหนทางที่ดีสำหรับทรัพยกรบุคคลที่สำคัญเช่นนี้
อ้างอิง :
https://www.edweek.org/teaching-learning/the-teaching-profession-in-2023-in-charts/2023/12
https://www.devlinpeck.com/content/teacher-burnout-statistics