สหภาพโซเวียต มหาอำนาจผู้จัดระเบียบโลกใหม่ด้วยการศึกษา

A A
Jun 21, 2024
Jun 21, 2024
A A

สหภาพโซเวียต มหาอำนาจผู้จัดระเบียบโลกใหม่ด้วยการศึกษา

 

 

   การศึกษาในสหภาพโซเวียตถือเป็นหนึ่งในระบบที่ประสบความสำเร็จและโดดเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ด้วยแนวคิดพื้นฐานที่มุ่งเน้นความเสมอภาคและการเข้าถึงการศึกษาอย่างทั่วถึงสำหรับทุกคน ระบบการศึกษาของสหภาพโซเวียตได้รับการยกย่องจากนานาประเทศในด้านความสามารถในการรู้หนังสือของประชากร คุณภาพทางวิชาการ ตลอดจนความก้าวหน้าในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

   หัวใจหลักของระบบการศึกษาสหภาพโซเวียตคือการให้โอกาสทางการศึกษาแก่ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ ชนชั้น หรือฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม การศึกษาขั้นพื้นฐานนับตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลายได้รับการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลกลางอย่างเต็มที่ ทำให้นักเรียนทั่วประเทศสามารถเข้ารับการศึกษาได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

   ในช่วงทศวรรษ 1950 อัตราการรู้หนังสือของประชากรในสหภาพโซเวียตอยู่ที่ระดับประมาณ 80% ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของโลกในขณะนั้น มีนักวิจัยบางท่านระบุว่านโยบายการให้การศึกษาอย่างทั่วถึงแก่ทุกคนนี้เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้สหภาพโซเวียตสามารถผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพ ซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่อมา

   นอกเหนือจากความมุ่งมั่นในการสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาแล้ว สหภาพโซเวียตยังให้ความสำคัญอย่างมากกับการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ มีการปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนเพื่อเน้นย้ำในวิชาเหล่านี้ โดยมีการสอนคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยาแบบเข้มข้นตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาจนกระทั่งถึงมัธยมศึกษา

   การผลิตบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญที่สุดของระบบการศึกษาสหภาพโซเวียต เพื่อรองรับนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีของประเทศ ในช่วงทศวรรษ 1960 สหภาพโซเวียตสามารถผลิตวิศวกรได้มากกว่าสหรัฐอเมริกาและอังกฤษรวมกันถึง 2 เท่า ความโดดเด่นในการผลิตบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนี้เองนำพาสหภาพโซเวียตประสบความสำเร็จในหลายโครงการยิ่งใหญ่ เช่น การส่ง ยูริ กาการิน ออกไปปรากฏบนเวทีโลกในฐานะมนุษย์อวกาศคนแรก

   จุดเด่นอย่างหนึ่งของระบบการศึกษาในสหภาพโซเวียตที่ได้รับการยกย่องก็คือความสามารถในการผลิตบัณฑิตและกำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีคุณภาพ โดยมีการเน้นหนักในการเรียนการสอนทางด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ตั้งแต่ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน

   การผลิตบัณฑิตด้านนี้ถือเป็นนโยบายระดับประเทศ เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาอุตสาหกรรมหนักและอวกาศของสหภาพโซเวียต ทำให้มีการจัดสรรงบประมาณจำนวนมากไปยังการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ รวมถึงการสนับสนุนนักศึกษาและนักวิจัยด้วยทุนการศึกษาและสวัสดิการต่างๆ

   หัวใจสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้ระบบการศึกษาในสหภาพโซเวียตประสบความสำเร็จ ก็คือการให้ความสำคัญกับการพัฒนาครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา โดยมีนโยบายหลักในการยกระดับวิชาชีพครูให้เป็นวิชาชีพที่มีเกียรติและศักดิ์ศรี ควบคู่ไปกับการกำหนดมาตรฐานในการผลิตบุคลากรทางการศึกษาอย่างเข้มงวด

   นอกจากนี้สหภาพโซเวียตยังริเริ่มโครงการพิเศษต่าง ๆ เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพของบุคลากรทางการศึกษา อาทิ มีโครงการแลกเปลี่ยนครูจากประเทศสหภาพโซเวียตไปสอนในประเทศคอมมิวนิสต์อื่นๆ และรับครูจากต่างประเทศเข้ามาในสหภาพโซเวียต เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวคิดใหม่ๆ มีการจัดประชุมสัมมนาทางวิชาการระหว่างครูในภูมิภาคต่างๆ เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้และวิธีการสอนซึ่งกันและกัน เป็นต้น

   ผลจากนโยบายดังกล่าวทำให้สหภาพโซเวียตสามารถผลิตวิศวกร นักวิทยาศาสตร์ และบุคลากรด้านเทคโนโลยีที่มีความสามารถระดับแนวหน้า และนำไปสู่ความสำเร็จของโครงการขนาดใหญ่หลายประการ อาทิ การส่งมนุษย์ขึ้นสู่อวกาศเป็นรายแรกของโลก การพัฒนาระบบขีปนาวุธนิวเคลียร์ รวมถึงโครงการสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์เพื่อการพลังงานไฟฟ้าต่างๆ

   งานวิจัยจากนักการศึกษาชาวเนเธอร์แลนด์ได้ทำการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนักเรียนโซเวียต เทียบกับนักเรียนจากประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ ในช่วงทศวรรษ 1960-1980 ผลการศึกษาพบว่านักเรียนโซเวียตมีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่านักเรียนจากสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และนิวซีแลนด์อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์

 

ทำไมสหภาพโซเวียตถึงผลักดัน คณิตศาสตร์ และ วิทยาศาสตร์ เป็นพิเศษ

 

   อย่างที่เรารู้กันว่าช่วงรอต่อระหว่างสงครามโลกและสงครามเย็น ความต้องการสร้างความเป็นชาตินิยมและความมั่นคงทางการทหารของทุกประเทศเป็นสำคัญลำต้น ๆ  แม้แต่สหภาพโซเวียตเองก็เช่นกัน โดยในช่วงสงครามเย็นมีความจำเป็นต้องแข่งขันทางด้านเทคโนโลยีการทหารกับคู่แข่งอย่างสหรัฐอเมริกา การผลิตบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจึงเป็นวาระสำคัญเพื่อสร้างอาวุธและขีปนาวุธที่ทันสมัย รวมถึงโครงการอวกาศเพื่อการรักษาภาพลักษณ์ของสหภาพโซเวียตในฐานะมหาอำนาจ

   การปลูกฝังอุดมการณ์ทางการเมืองผ่านการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ การเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์ในสหภาพโซเวียตมักมีการผสมผสานแนวคิดวัตถุนิยมวิทยาศาสตร์ (Scientific Materialism) ซึ่งเป็นปรัชญาพื้นฐานของลัทธิมาร์กซิสต์-เลนินนิสต์ การส่งเสริมการศึกษาด้านนี้จึงช่วยปลูกฝังอุดมการณ์ทางการเมืองแก่เยาวชนได้อีกทางหนึ่ง

 

 

Inside Soviet Education System

 

 

เพราะเชื่อว่า การศึกษาควรมุ่งพัฒนาศักยภาพของมนุษย์เพื่อก้าวสู่สังคมสังคมนิยมและชีวิตที่ดีกว่า 

 

   ปรัชญาการศึกษาของสหภาพโซเวียตมีรากฐานมาจากแนวคิดมาร์กซิสต์-เลนินนิสต์ ซึ่งเชื่อว่าการศึกษาควรมุ่งพัฒนาศักยภาพของมนุษย์เพื่อก้าวสู่สังคมสังคมนิยมและชีวิตที่ดีกว่า ดังนั้นการเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจึงถูกมองว่าสอดคล้องกับแนวคิดนี้

   แนวคิดมาร์กซิสต์-เลนินนิสต์มองว่าการศึกษาเป็นเครื่องมือสำคัญในการปลดปล่อยมนุษย์จากการถูกกดขี่ทางชนชั้น และเป็นพลังขับเคลื่อนสู่การสร้างสังคมสังคมนิยมที่เสมอภาคและเป็นธรรม การศึกษาจึงไม่ได้มุ่งเพียงแค่ให้ความรู้เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือในการหล่อหลอมจิตสำนึกของผู้เรียนให้เป็นพลเมืองที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและมีบทบาทในการสร้างสรรค์อนาคตร่วมกัน

   การให้ความสำคัญกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภายใต้ปรัชญาการศึกษาแนวนี้ มาจากความเชื่อว่าองค์ความรู้เหล่านี้จะนำพาสังคมก้าวสู่ความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น การพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะช่วยเพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพทางอุตสาหกรรม ซึ่งสอดคล้องกับปรัชญาการสร้างสังคมสังคมนิยมที่ต้องการขจัดความยากจนและช่องว่างทางเศรษฐกิจและสังคม

   แนวคิดมาร์กซิสต์ – เลนินนิสต์ยึดถือวัตถุนิยมวิทยาศาสตร์ ซึ่งเชื่อว่าธรรมชาติและจักรวาลทั้งหมดประกอบด้วยสสารและการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพเท่านั้น ไม่มีสิ่งเหนือธรรมชาติหรือพลังงานลึกลับใดๆ ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจึงเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาสังคมมนุษย์ตามแนวคิดนี้

   ภายใต้ปรัชญาดังกล่าว การศึกษาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในสหภาพโซเวียตจึงไม่ได้มุ่งเพียงผลิตบุคลากรด้านนี้เท่านั้น แต่ยังมีเป้าหมายในการหล่อหลอมจิตสำนึกของนักเรียนให้เป็นผู้สร้างสรรค์และพัฒนาสังคมตามอุดมการณ์สังคมนิยมด้วย

   หลักฐานที่บ่งชี้ถึงความสำเร็จของระบบการศึกษาในสหภาพโซเวียตก็คือผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของประชากรในสหภาพโซเวียต โดยตามรายงานขององค์กรยูเนสโกเมื่อปี 1980 นั้น สหภาพโซเวียตมีประชากรที่อยู่ในวัยทำงานมากถึง 99.8% ที่สามารถอ่านออกเขียนได้ เนื่องจากประสบความสำเร็จในการรณรงค์ให้การศึกษาขั้นพื้นฐานแก่ประชาชนทั่วประเทศ

   นอกจากนี้ ในด้านการศึกษาระดับสูงนั้นสหภาพโซเวียตก็สามารถผลิตบัณฑิตระดับปริญญาตรี โท และเอกในอัตราที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก โดยมีสัดส่วนประชากรที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีสูงถึง 1 ใน 5 ของประชากรวัยทำงานทั้งหมด และมีอัตราการรู้หนังสือของประชากรสูงถึง 99.7% ในปี 1989 ก่อนสหภาพโซเวียตจะล่มสลาย

   การมีประชากรที่มีพื้นฐานการศึกษาสูงดังกล่าว นับเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญที่ทำให้สหภาพโซเวียตสามารถก้าวขึ้นมาเป็นประเทศมหาอำนาจทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ในเวลาต่อมา ได้แก่ความสำเร็จในการพัฒนายานอวกาศและขีปนาวุธนิวเคลียร์ รวมถึงความก้าวหน้าทางด้านอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ ซึ่งการจะเป็นชาติผู้นำด้านนี้ได้ก็ต้องอาศัยบุคลากรทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีความรู้ความสามารถ ซึ่งระบบการศึกษาของสหภาพโซเวียตก็สามารถผลิตได้

   หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายในปี 1991 ประเทศต่างๆ ที่แยกตัวออกมาต้องเผชิญกับความท้าทายในการปรับเปลี่ยนระบบการศึกษาของตนใหม่หมด บางประเทศประสบความสำเร็จในการรักษามรดกทางการศึกษาจากระบบเดิมของโซเวียตไว้ได้ในระดับหนึ่ง ขณะที่บางประเทศต้องเริ่มต้นใหม่อย่างสิ้นเชิง อย่างเช่น สหพันธรัฐรัสเซีย ในฐานะประเทศหลักของสหภาพโซเวียตเดิม ก็สามารถคงรากฐานของระบบการศึกษาไว้ได้มาก โดยเฉพาะในด้านการผลิตบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จนทำให้รัสเซียยังคงเป็นประเทศที่มีความโดดเด่นด้านการศึกษาจนเป็นมหาอำนาจโลกอย่างที่เราเห็นทุกวันนี้

 

ถ้าถามว่าการเกิดและล่มสลายของสหภาพโซเวียตช่วยจัดระเบียบโลกด้านการศึกษาอย่างไร

 

   ส่วนที่สำคัญที่สุด คือ สหภาพโซเวียตเป็นผู้บุกเบิกองค์ความรู้ใหม่ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากมาย ตั้งแต่การส่งมนุษย์สู่อวกาศ ไปจนถึงฟิสิกส์นิวเคลียร์และการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ บุคลากรที่ได้รับการศึกษาจากระบบของโซเวียตจึงได้เผยแพร่ความก้าวหน้าเหล่านี้สู่โลก ช่วยเปลี่ยนแปลงโลกทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปอีกขั้น

   ระบบการศึกษาในสหภาพโซเวียตถือเป็นปรากฏการณ์ที่น่าจดจำในประวัติศาสตร์ด้วยแนวคิดการให้โอกาสทางการศึกษาแก่ทุกคนอย่างเท่าเทียม ควบคู่กับคุณภาพทางวิชาการและผลงานชั้นนำระดับโลกในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ถึงแม้จะสิ้นสุดลงไปพร้อมกับการล่มสลายของสหภาพโซเวียต แต่ประสบการณ์และบทเรียนจากระบบการศึกษาในยุคนี้ก็น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาต่อไปในอนาคต

 

อ้างอิงข้อมูล

https://medium.com/the-faculty/the-history-of-soviet-education-from-1918-1991-5086381f2c9c

https://newfoundations.com/GALLERY/Lenin.html

https://unesdoc.unesco.org/ark:/48223/pf0000070277

https://link.springer.com/chapter/10.1007/978-3-030-41882-3_9

Share

Authors

Authors

RELATED POSTS