ไอซ์แลนด์
ระบบการศึกษาจากพลังงานสะอาด 100%
ท่ามกลางท้องทะเลน้ำแข็ง สายหมอกและแสงเหนือ ประเทศเล็ก ๆ แห่งนี้ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเองด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดและการศึกษาชั้นนำของโลก ไอซ์แลนด์ได้กลายเป็นจุดศูนย์กลางแห่งนวัตกรรม ที่จุดประกายความเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดในทั่วทุกมุมโลก ด้วยประชากรเพียงแค่ 360,000 คน แต่พลังความมุ่งมั่นของพวกเขากลับยิ่งใหญ่เกินกว่าจะจินตนาการได้
ขณะที่โลกเผชิญกับวิกฤตภาวะโลกร้อน เกาะแห่งนี้ภายใต้การนำของรัฐบาลที่มีวิสัยทัศน์ได้ริเริ่มโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ โดยนำพลังงานจากลาวาร้อนและพายุน้ำแข็งมาผลิตกระแสไฟฟ้า เพียง 10 ปีที่ผ่านมา ไอซ์แลนด์พึ่งพาพลังงานสะอาดได้ถึง 90% และตั้งเป้าหมายที่จะเป็น 100% ภายในปี 2030
ไอซ์แลนด์ กับการบริหารขุมทรัพย์ใต้พื้นพิภพ
ก่อนอื่นเลยต้องบอกก่อนว่าไอซ์แลนด์ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการนำพลังงานความร้อนใต้พิภพจากภูเขาไฟมาผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้าสะอาดได้อย่างน่าทึ่ง โดยนักธรณีวิทยาจะศึกษาโครงสร้างใต้ผิวดินและตรวจหาบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงจากการระเบิดของภูเขาไฟในอดีต บริเวณเหล่านี้จะมีน้ำร้อนและไอน้ำซึ่งสามารถนำมาใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ น้ำร้อนหรือไอน้ำจะถูกนำเข้าสู่ระบบผลิตกระแสไฟฟ้าโดยใช้เทอร์ไบน์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ความร้อนของน้ำและไอน้ำจะหมุนเพลาเทอร์ไบน์ ซึ่งต่อเชื่อมกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโรงงานพลังงานความร้อนใต้พิภพจะถูกส่งเข้าสู่สายส่งหลักของระบบจำหน่ายไฟฟ้าของประเทศ เพื่อกระจายไปยังบ้านเรือน อาคารสำนักงาน และอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วไอซ์แลนด์ รวมไปถึงสถานศึกษา
หลายโรงเรียนในไอซ์แลนด์มีการออกแบบอาคารเรียนให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยใช้วัสดุก่อสร้างประหยัดพลังงาน มีฉนวนกันความร้อนที่ดี และติดตั้งระบบปรับอากาศและให้ความร้อนจากแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพหรือพลังงานแสงอาทิตย์ เช่น โรงเรียนมัธยม Grunnskóli Akureyrar ในเมืองอาคูเรย์รี ซึ่งได้รางวัลสถาปัตยกรรมยอดเยี่ยมด้านการประหยัดพลังงาน นอกจากนี้มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาอาคาร ร่วมกับกังหันลมขนาดเล็กในบริเวณโรงเรียน ทั้งเพื่อการผลิตไฟฟ้าใช้เองและเพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้การผลิตพลังงานสะอาดในทางปฏิบัติจริง รวมไปถึงให้ความสำคัญกับการนำวัสดุรีไซเคิลกลับมาใช้ใหม่ เช่น การทำเก้าอี้นักเรียน โต๊ะ และชั้นวางสิ่งของจากพลาสติกรีไซเคิล หรือการใช้หนังสือเก่าและกระดาษใช้แล้วมาตกแต่งผนังห้องเรียน เพื่อสอนให้เด็กๆ เห็นคุณค่าของการรักษาสิ่งแวดล้อม
ไอซ์แลนด์ ให้ธรรมชาติได้สวมบทบาทครู
แรงบันดาลใจสำคัญนี้มาจากรุ่นเยาวชนของประเทศ โดยการศึกษาในหลักสูตรพลเมืองรุ่นเยาว์ ได้ปลูกฝังจิตวิญญาณอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแก่เด็กตั้งแต่เยาว์วัย งานวิจัยจากนิตยสาร Science (2020) ชี้ว่านักเรียนชาวไอซ์แลนด์ระดับมัธยมศึกษาให้ความสำคัญกับประเด็นการรักษาสิ่งแวดล้อมมากกว่าคนในวัยเดียวกันของประเทศอื่น ๆ ถึง 20%
หลักสูตรพลเมืองรุ่นเยาว์ที่เรากำลังพูดถึงนี้เป็นหลักสูตรสำคัญที่ช่วยปลูกฝังจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนให้แก่เยาวชนไอซ์แลนด์ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา นักเรียนจะได้ศึกษาเกี่ยวกับระบบนิเวศธรรมชาติอันเปราะบางของเกาะไอซ์แลนด์ ตั้งแต่ทุ่งหญ้าเขตร้อน ธารน้ำแร่ พื้นที่ชุ่มน้ำ จนถึงแนวปะการังน้ำแข็ง พร้อมทั้งได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ระบบนิเวศเหล่านี้ หลักสูตรนี้จะช่วยให้นักเรียนเข้าใจถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจก การตัดไม้ทำลายป่า และการแพร่กระจายของขยะพลาสติก นักเรียนจะได้เรียนรู้ถึงผลกระทบร้ายแรงที่มีต่อโลกใบนี้
หลาย ๆ โรงเรียนในแถบเมืองหลวง มีการสร้างสื่อการเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยีทันสมัยเพื่อดึงดูดความสนใจของนักเรียนยุคดิจิทัล เช่น การสร้างแอปพลิเคชันความเป็นจริงเสมือน (VR) ให้นักเรียนได้สำรวจธารน้ำแร่ใต้ทะเลน้ำแข็ง หรือเดินทางสำรวจระบบนิเวศตามลำธารแบบไร้ขีดจำกัด ช่วยให้เกิดประสบการณ์การเรียนรู้แบบตรงประสบการณ์มากยิ่งขึ้นในขณะที่โรงเรียนแถบชานเมือง นักเรียนจะได้รับมอบหมายให้สร้างโครงงานและทำกิจกรรมปฏิบัติการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและตอบโจทย์กับสภาพแวดล้อมชนบท เช่น การคัดแยกขยะรีไซเคิล การเพาะปลูกพืชผักสวนครัว หรือการสร้างเครื่องกำเนิดพลังงานจากแสงอาทิตย์ขนาดจิ๋ว เพื่อฝึกการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้อย่างแท้จริงอีกด้วย
ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จนี้ส่วนหนึ่งมาจากสถาบันครูที่ได้รับการยอมรับมาก ครูจบการศึกษาในระดับปริญญาโทขึ้นไป และมีอิสระในการออกแบบหลักสูตรเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของนักเรียนได้อย่างแท้จริง ผลสำรวจจากคณะครุศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยไอซ์แลนด์ (2022) ระบุว่านักเรียนให้คะแนนความพึงพอใจต่อบทบาทที่มีต่อการสร้างบรรยากาศการเรียนรู้เฉลี่ยอยู่ที่ 4.8 จากคะแนนเต็ม 5 เลยทีเดียว
ด้วยการผสมผสานความแข็งแกร่งของบุคลากรทางการศึกษา พลังงานสะอาดและแนวคิดเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ให้ผสานเข้ากับบรรยากาศของโรงเรียนอย่างกลมกลืน ทำให้นักเรียนไอซ์แลนด์ได้รับการหล่อหลอมจิตสำนึกด้านพลังงานสะอาดและรักษ์โลกไปโดยธรรมชาติ พร้อมกับการเรียนรู้ด้านวิชาการต่างๆ
ปัจจุบันพลังงานความร้อนใต้พิภพจากภูเขาไฟ คิดเป็นสัดส่วนราว 25% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดของไอซ์แลนด์ ซึ่งนับเป็นแหล่งพลังงานสะอาดที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ นอกจากนี้ ไอซ์แลนด์ยังใช้พลังงานน้ำและลมในการผลิตไฟฟ้าอีกด้วย ทำให้ประเทศสามารถพึ่งพาพลังงานสะอาดได้มากถึง 100% ในอนาคตอันใกล้
อ้างอิงข้อมูล
https://www.un.org/en/chronicle/article/icelands-sustainable-energy-story-model-world