แค่ Google ก็มีทุกอย่าง แบบนี้หนังสือเรียนยังจำเป็นอยู่ไหม

A A
Jun 20, 2023
Jun 20, 2023
A A

แค่ Google ก็มีทุกอย่าง แบบนี้หนังสือเรียนยังจำเป็นอยู่ไหม

 

  • หนังสือเรียนอาจถูกมองว่า มีราคาแพงและล้าสมัยได้ง่ายในยุคที่ใคร ๆ ก็เข้าถึงเนื้อหาต่าง ๆ ได้เพียงปลายนิ้วผ่านโลกออนไลน์
  • ข้อมูลพบว่า หลักสูตรที่มีคุณภาพสูง เช่น หนังสือเรียน จะให้ประโยชน์กับนักเรียนได้มากกว่า แม้ว่าครูจะเสริมด้วยวิดีโอและบทเรียนออนไลน์ด้วยก็ตาม เพราะหนังสือเปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของการเรียนรู้ ทำให้นักเรียนรู้ว่า ต้องเรียนอะไรบ้าง

 

   

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับการสอนของครู และการเรียนรู้ของนักเรียนมากขึ้น เพียงแค่เปิดคอมพิวเตอร์ ครูก็สามารถดาวน์โหลดเนื้อหาที่จะใช้สอน หรือโหลดวิดีโอที่น่าสนใจมาเตรียมไว้เปิดนำเข้าสู่บทเรียนได้ง่าย ๆ นักเรียนหลายคนใช้ Google ช่วยทำการบ้าน หรือล้ำขึ้นมาหน่อยก็ใช้ AI อย่าง ChatGPT ช่วยทำให้ จนน่าตั้งคำถามว่า หนังสือเรียนที่เคยเป็นสื่อการเรียนรู้หลักระหว่างครูและนักเรียนยังเป็นสิ่งที่จำเป็นอยู่ไหมในยุคนี้ ถ้าไม่นับเรื่องความสะดวกรวดเร็วในการเข้าถึงเนื้อหา หนังสือเรียนกับแหล่งข้อมูลออนไลน์มีความแตกต่างกันอย่างไร และจะเกิดอะไรขึ้นถ้าวันหนึ่งหนังสือเรียนหายไปจากบริบทการเรียนการสอนในโรงเรียน

 

ครูยังใช้หนังสือเรียนกันอยู่ไหม?

 

แม้ว่าหนังสือเรียนจะเป็นสื่อการเรียนรู้ที่ใช้กันมานาน ยิ่งเมื่อใคร ๆ ก็สามารถเข้าถึงความรู้ได้ง่าย ๆ บนโลกออนไลน์ หนังสือเรียนจึงอาจถูกมองว่า มีราคาแพงและล้าสมัยได้ง่าย ล่าสุดมีงานวิจัยว่า อาจให้มุมมองที่มีอคติหรือค่อนข้างจำกัด และอาจจะเป็นการจำกัดความสามารถของครูในการต่อยอดการสอน สร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่หลากหลายให้กับนักเรียน

 

ข้อมูลจากสถาบัน Brookings พบว่า ครูอเมริกันราว 60% ใช้หนังสือเรียนที่ได้จากเขตพื้นที่การศึกษาเป็นแหล่งข้อมูลเดียว ขณะที่ครูส่วนใหญ่ยังมองหาสื่อการสอนจากที่อื่นด้วย ซึ่งมักจะมาจากออนไลน์ ผู้ปกครองบางคนตั้งข้อสังเกตว่า ครูหลายคนไม่ค่อยใช้หนังสือเรียนในการสอนกันแล้ว บางวิชาลูก ๆ ของพวกเขาแทบจะไม่ได้เปิดหนังสือเรียนเลยด้วยซ้ำ วิธีที่ครูใช้ คือ ให้นักเรียนอ่านจากแล็ปท็อป Chromebook ที่โรงเรียน สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่นี้สร้างความกังวลให้ผู้ปกครองพอสมควร 

 

ถ้าเราลองค้นหาสื่อการเรียนรู้บน Google จะพบว่า มีทุกสิ่งที่ครูต้องการ ไม่ว่าจะเป็นแผนการสอน ใบงาน แบบประเมิน ฯลฯ ทั้งแบบที่ฟรีและต้องเสียเงินที่มาพร้อมกับคำถามถึงคุณภาพและความน่าเชื่อถือของสิ่งเหล่านี้ ข้อมูลจาก American Educator Panels ในปี 2022 ของ RAND ระบุว่า ครูอเมริกันเกือบ 80% พัฒนาสื่อการสอนด้วยตนเอง หรือยืมจากเพื่อนครู และครูมากถึง 90% ใช้ Google เพื่อค้นหาบทเรียน โดยใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในการค้นหาสื่อการสอนบนเว็บไซต์

 

ความสำคัญของหนังสือเรียน

 

เมื่อของฟรีหาได้ง่าย ๆ ทั่วไป เราไม่รู้ว่า สิ่งที่เราดาวน์โหลดมาใช้กับนักเรียนนั้นมีคุณภาพมากน้อยแค่ไหน สหรัฐอเมริกาจึงดำเนินการบางอย่างเพื่อพิสูจน์ว่า หลักสูตรที่มีคุณภาพน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จด้านการเรียนของนักเรียนใช่หรือไม่ 14 รัฐของที่นี่จึงให้ความสำคัญกับการใช้เนื้อหาจาก Evidence Based Learning เช่น หนังสือเรียน โดยให้เหตุผลว่า สไลด์ PowerPoint และบทเรียนจากอินเทอร์เน็ตนั้นหาได้ง่าย แต่มักมีคุณภาพต่ำ

 

Morgan Polikoff นักวิจัยด้านการศึกษาของ USC กล่าวว่า โดยเฉลี่ยแล้วเนื้อหาหลักสูตรที่มีคุณภาพสูง เช่น หนังสือเรียน จะให้ประโยชน์กับนักเรียนได้มากกว่า แม้ว่าครูจะเสริมด้วยวิดีโอและบทเรียนออนไลน์ด้วยก็ตาม เพราะหนังสือเปรียบเสมือนกระดูกสันหลัง ทำให้นักเรียนรู้ว่า เขาต้องเรียนรู้อะไรบ้าง

 

ยกตัวอย่างวิชาประวัติศาสตร์ที่นอกจากจะมีเนื้อหาที่เยอะแล้ว ยังมีเรื่องลำดับเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งอาจสร้างความสับสนให้นักเรียนได้ง่าย หากนักเรียนได้ใช้หนังสือเรียนที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี เขาจะเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามลำดับเวลา เช่นเดียวกับหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ที่แสดงให้นักเรียนเห็นวิธีสร้างจากแนวคิดหนึ่งไปสู่อีกแนวคิดหนึ่ง และแม้ว่าครูจะใช้หนังสือเรียนที่มีคุณภาพแล้ว แต่การเรียนการสอนยังควรไปไกลกว่าข้อมูลในหนังสือเรียน ครูควรส่งเสริมให้นักเรียนอ่านอย่างกว้างขวาง เปิดโอกาสให้นักเรียนนำคำถามที่สงสัยมาถามต่อ แล้วอภิปรายร่วมกันในชั้นเรียน

 

อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้หนังสือเรียนยังคงเป็นสื่อหลักที่แนะนำให้ใช้กันอยู่ คือ หนังสือเรียนคุณภาพสูงยังคงได้รับการตรวจสอบอย่างครอบคลุมจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งถือเป็นกระบวนการตรวจสอบคุณภาพที่สำคัญ ถึงแม้จะไม่มีหนังสือเรียนเล่มไหนสมบูรณ์แบบที่สุด แต่อย่างน้อยหนังสือเรียนเล่มหนึ่งก็สะท้อนมุมมองของผู้แต่งมากกว่าหนึ่งคน ในขณะที่อินเทอร์เน็ตก็มีทั้งแหล่งข้อมูลที่ดีและไม่ดีปะปนกัน ซึ่งหากครูหรือนักเรียนนำมาใช้ก็จำเป็นต้องมีทักษะการคิดวิเคราะห์ กลั่นกรองเนื้อหา และเลือกแหล่งข้อมูลที่มีคุณภาพด้วยตนเอง

 

 

ครูใช้หนังสือเรียนสอนในห้องเรียน

 

 

นักเรียนอเมริกันระดับ ม.ปลาย คนหนึ่งบอกว่า หนังสือเรียน คือ สิ่งที่ช่วยสร้างพื้นฐานความรู้ การจะเข้าใจแนวคิดทางประวัติศาสตร์เป็นเรื่องที่ซับซ้อนหากเราไม่มีพื้นฐานความรู้มาก่อน ฉะนั้น เมื่อ  Ron Franchi อดีตครูสอนประวัติศาสตร์ของเขาถามเขาว่า “สมมติว่า ถ้าได้เป็นครูปีหน้า อยากจะให้นักเรียนอ่านหนังสือเรียนหรือเปล่า” แน่นอนว่า นักเรียนคนนี้ตอบว่า “อยาก” 

 

ในฐานะอดีตครูสอนประวัติศาสตร์ Franchi ไม่เชื่อว่า นักเรียนจะเรียนรู้ได้มากพอ หากครูใช้แค่สไลด์เพียงอย่างเดียว การตั้งข้อสังเกตของเขาเป็นไปในทิศทางเดียวกับงานวิจัยจำนวนมากที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างหนังสือเรียนที่มีคุณภาพสูง ความรู้พื้นฐาน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการอ่านจับใจความ

 

งานวิจัยในปี 2023 เคยทำการเปรียบเทียบนักเรียนประถมฯ ในรัฐโคโลราโด 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งเรียนในโรงเรียนที่ใช้หลักสูตรสร้างความรู้จากหนังสือเรียน ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งมาจากโรงเรียนที่ไม่เน้นเนื้อหามากนัก ผลปรากฎว่า นักเรียนเกรด 3 จากกลุ่มที่เน้นการสร้างความรู้มีทักษะที่ดีกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมากในการทดสอบการอ่าน David Grissmer ผู้เขียนนำของการศึกษานี้ และยังเป็นศาสตราจารย์ด้านการวิจัยจากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย เขาเชื่อว่า หนังสือเรียนมีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของนักเรียน เพราะเป็น Base layer ของความรู้ หนังสือเรียนภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และศิลปะ อัดแน่นไปด้วยข้อเท็จจริงที่มีการจัดระเบียบอย่างดีและน่าสนใจ ซึ่งนี่เองคือเคล็ดลับสู่ผลการเรียนที่ดีขึ้นของนักเรียน และถ้าย้อนกลับไปดูงานวิจัยก่อนหน้าที่คล้ายกันในปี 2016 ในวิชาคณิตศาสตร์ก็พบว่า ครูเกรด 4 และ 5 ที่ใช้หนังสือเรียนคุณภาพสูงสามารถทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

หนังสือเรียนกลายเป็นสิ่งล้าสมัย?

 

อ่านมาถึงตรงนี้ เราคงเหลือบไปมองกองหนังสือเรียนที่มีอยู่ แล้วแอบดีใจที่มีสื่อการเรียนรู้ที่ทรงพลังขนาดนี้อยู่ในมือ แต่ถึงแม้จะมีคำแนะนำให้ครูใช้หนังสือเรียนที่มีคุณภาพเป็นแกนในการจัดการเรียนการสอน แต่มหาเศรษฐีระดับโลกอย่าง Bill Gates กลับไม่คิดแบบนั้น เขามองว่า หนังสือเรียนกลายเป็นสิ่งที่ล้าสมัย ซึ่งนี่คือ 1 ใน 9 สิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้เขากับภรรยาในปี 2018 สาเหตุก็เพราะเขาคิดว่า ซอฟต์แวร์กำลังเปลี่ยนวิธีการเรียนรู้ของนักเรียนยุคใหม่ และการอ่านหนังสือเรียนก็เป็นวิธีที่จำกัดในการเรียนรู้บางสิ่งบางอย่าง เขามองว่า วิธีนี้มีประสิทธิภาพน้อยกว่าการเรียนรู้แบบออนไลน์ 

 

หากใช้ซอฟต์แวร์ในการเรียนรู้ Bill คิดว่า นักเรียนจะได้ประโยชน์หลายอย่าง เช่น รู้ว่านักเรียนคนนั้นกำลังมีปัญหาอะไรอยู่ โดยดูจากการทำแบบทดสอบ อีกทั้งซอฟต์แวร์ยังสามารถปรับแต่งเนื้อหา ช่วยให้นักเรียนเข้าใจแนวคิดที่ตัวเองยังไม่เข้าใจได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังส่งรายงานแบบละเอียดไปถึงครูได้ว่า นักเรียนทำอะไรไปบ้าง ใช้เวลาเท่าไร ทำข้อไหนถูกหรือผิด รวมถึงความช่วยเหลือที่นักเรียนต้องการเพิ่มเติม

 

ยุคสมัยเปลี่ยนไป ครูบางคนอาจใช้หนังสือเรียนน้อยลง นักเรียนอาจดีใจที่ไม่ต้องแบกตำราหนัก ๆ มาทุกวัน แต่มุมมองความคิดในเรื่องนี้ก็มีหลากหลายกันไป ถ้าดูจากงานวิจัยที่ผ่านมา ไม่ว่าครูจะใช้อะไรเป็นสื่อในการสร้างองค์ความรู้ให้นักเรียน ผลสุดท้ายที่เราให้ความสำคัญก็ยังคงมีอยู่อย่างเดียว นั่นคือ ทักษะและความรู้ของนักเรียนที่จะพาให้เขาอยู่รอดได้ท่ามกลางโลกที่ผันแปร

 

อ้างอิง

https://www.edutopia.org/article/should-textbooks-still-play-a-role-in-schools

https://www.thespec.com/opinion/contributors/2022/02/15/why-textbooks-still-matter-in-our-schools.html

https://learningliftoff.com/why-bill-gates-says-school-textbooks-will-soon-be-obsolete/

Share

Authors

Authors

RELATED POSTS