รักวัวให้ผูก รักลูก(ทำไม)ต้องตี

A A
Jul 1, 2024
Jul 1, 2024
A A

รักวัวให้ผูก รักลูก(ทำไม)ต้องตี

 

 

  • ผลการสำรวจพบว่าการลงโทษด้วยการตีนั้นเกิดขึ้นถึง 80% ทั่วโลกและมีมานานกว่า 50 ปี จนถึงทุกวันนี้ก็ยังคงมีหลายประเทศที่ยังลงโทษเด็กด้วยการตีอยู่ แท้จริงแล้วมีวิธีอื่นที่ดีกว่านั้นหรือไม่
  • ไม่มีงานวิจัยที่รองรับการตี ว่าส่งผลเชิงบวกทางด้านพฤติกรรมแต่จากผลการวิจัยกลับพบผลกระทบด้านลบมากกว่าเด็กที่ถูกตีมีแนวโน้มที่จะแสดงพฤติกรรมต่อต้านสังคมและปัญหาทางจิต มีผลกระทบต่อการพัฒนาสมองการเปลี่ยนแปลงทางชีววิทยาและอาจส่งผลตลอดชีวิต
  • ทั้งครูและผู้ปกครองควรรู้ว่าการตีเป็นการลงโทษร่างกายที่ผิดกฎหมายของโลกไม่ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นที่โรงเรียนหรือที่บ้าน

 

   การตีอาจเป็นการลงโทษที่เด็กทุกคนล้วนเคยผ่าน ภาพครูถือไม้เรียว ไม้บรรทัด หรือแม้กระทั่งไม้แขวนเสื้อที่ตีลงไปที่ร่างกายของเด็ก ๆ  การตีนี้เองที่ทุกคนอาจมองว่าเป็นการลงโทษเป็นปกติเพื่อให้เด็กไม่ทำสิ่งที่ไม่ควรซ้ำเดิมเข้าสุภาษิต รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี แต่แท้จริงแล้วมีวิธีการลงโทษอย่างอื่นที่ดีกว่านั้นหรือไม่ ? 

 

   หลายคนอาจคิดว่าการลงโทษโดยการตีนั้นเกิดขึ้นแค่ที่ไทยแต่จากผลสำรวจพบว่ามีพ่อแม่มากถึง 80% ทั่วโลกที่ตีลูกเป็นการลงโทษ Gershoff และ Andrew Grogan-Kaylor จากมหาวิทยาลัยเท็กซัส ให้คำจำกัดความของการตี ว่าเป็นการตีที่ด้านหลังและ “แขนขา” โดยใช้มือตี แล้วการตีนั้นได้ผลจริงหรือไม่ ทำไมเราถึงได้ตกทอดมรดกการตีเพื่อสั่งสอนกันมารุ่นสู่รุ่น แม้ว่าจะไม่มีงานวิจัยที่รองรับการตี ว่าส่งผลเชิงบวกทางด้านพฤติกรรมแต่จากผลการวิจัยกลับพบผลกระทบด้านลบมากกว่าเด็กที่ถูกตีมีแนวโน้มที่จะแสดงพฤติกรรมต่อต้านสังคมและปัญหาทางจิต มีผลกระทบต่อการพัฒนาสมองการเปลี่ยนแปลงทางชีววิทยาและอาจส่งผลตลอดชีวิต

 

ทำไมผู้ใหญ่ถึงยังตีเด็ก

 

   Gershoff ศาสตราจารย์ด้านการพัฒนามนุษย์และครอบครัววิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเท็กซัสในออสติน ได้กล่าวว่าผู้ใหญ่มักตีเด็กเมื่อเด็กเกิดพฤติกรรมที่เรียกว่า           “พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม” แต่จริง ๆ แล้วสิ่งนี้อาจเป็นความไม่รู้ของเด็กเพียงเท่านั้น เขาอาจกำลังค้นหาหรือต้องการแสดงความสามารถของตนเอง การตีเด็กเป็นพฤติกรรมหนึ่งที่ผู้ใหญ่แสดงออกเมื่อรู้สึกสูญเสียการควบคุมเด็ก ๆ แต่เมื่อได้ตีเด็ก ๆ เด็กจะเริ่มหยุดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและร้องไห้แทน ทำให้ผู้ใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ได้ผล ซึ่งความรู้สึกที่พ่อแม่กำลังรู้สึกเช่น กลัว ตกใจ สูญเสีย โศกเศร้า อับอาย การตีสามารถถ่ายโอนความรู้สึกเหล่านี้ไปยังเด็กได้ชั่วขณะ

 

 

ตีเด็ก

 

 

   การวิจัยเกี่ยวกับการลงโทษด้วยการตีในช่วง 50 ปีที่ผ่านมาจาก Harvard University พบว่า การตีนอกจากจะไม่ได้ผลแล้วยังอาจเป็นอันตรายต่อพัฒนาการของเด็ก รวมถึงเพิ่มปัญหาสุขภาพจิต จากการศึกษาเรื่อง “การลงโทษทางร่างกายและการตอบสนองต่อภัยคุกคามในเด็ก” ได้ตรวจสอบการทำงานของสมองต่อการรับรู้ถึงภัยคุกคามเมื่อเทียบกับเด็กที่ไม่ถูกตี พบว่า เด็กที่ถูกตีมีการตอบสนองของสมองในรูปแบบเดียวกับการถูกทารุณกรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งส่งผลต่อการควบคุมอารมณ์ และการตอบสนองกับภัยต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว

 

   ถึงแม้การลงโทษด้วยการตีจะเป็นการลงโทษที่เชยหรือล้าสมัยแต่ก็มีเพียง 62 ประเทศเท่านั้น (จาก 193 ประเทศทั่วโลก) ที่ห้ามการลงโทษทางร่างกาย โดยผู้ปกครองเกือบ 1 ใน 3 ของสหรัฐมีการตีลูกทุกสัปดาห์ซึ่งแน่นอนว่าการกระทำเหล่านี้อาจส่งผลเสียตามมาเด็กก่อนวัยเรียนและวัยเรียน ที่ถูกลงโทษด้วยการตีมีแนวโน้มที่จะพัฒนาโรควิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า หรือมีปัญหาในการมีส่วนร่วมในโรงเรียนและทักษะด้านกฎระเบียบ ซึ่งจำเป็นต่อการประสบความสำเร็จในด้านการศึกษา

 

สิ่งที่ผู้ปกครองหรือครูควรรู้เกี่ยวกับการตี

 

1.รู้ว่าการตีไม่ใช่เครื่องมือที่ดีเพราะว่าไม่ได้นำไปสู่อะไรเลยนอกจากความรุนแรง  มีเทคนิคที่ดีกว่าในการสร้างวินัย เช่น การอธิบายถึงพฤติกรรมที่ไม่ควรทำ หรือการยกตัวอย่างเหตุการณ์เพื่อให้เข้าใจ

2.ทั้งครูและผู้ปกครองควรรู้ว่าการตีเป็นการลงโทษร่างกายที่ผิดกฎหมายของโลกไม่ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นที่โรงเรียนหรือที่บ้าน 

เมื่อเด็ก ๆ ได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพและความเข้าใจ เขาจะสัมผัสได้ถึงการรับฟัง ความเข้าใจ และจะส่งผลให้พวกเขามีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นรวมถึงเพิ่มความนับถือตัวเองอีกด้วย

 

อ้างอิง

https://www.gse.harvard.edu/ideas/usable-knowledge/21/04/effect-spanking-brain

https://bigthink.com/neuropsych/harmful-risks-of-spanking-studied/

https://www.developmentalscience.com/blog/2022/2/10/hitting-children-leads-to-trauma-not-better-behavior

 

 

Share

Authors

Authors

RELATED POSTS