PISA สอบ 1 ครั้ง สามารถกำหนดความสำเร็จของคนในชาติได้ยาวนานเป็นทศวรรษ

A A
Jun 28, 2024
Jun 28, 2024
A A

PISA สอบ 1 ครั้ง สามารถกำหนดความสำเร็จของคนในชาติได้ยาวนานเป็นทศวรรษ

 

 

   PISA ย่อมาจาก Programme for International Student Assessment เป็นการประเมินผลนักเรียนระดับนานาชาติที่จัดขึ้นทุก ๆ 3 ปี โดยนักเรียนอายุ 15 ปีจากกว่า 70 ประเทศทั่วโลกจะได้รับการทดสอบความรู้และทักษะในด้านต่าง ๆ ได้แก่ การอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ การสอบนี้จัดขึ้นโดยองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือ OECD

   PISA ไม่ใช่เพียงการทดสอบธรรมดา แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่สะท้อนถึงคุณภาพการศึกษาของประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยมุ่งเน้นการประเมินทักษะและความรู้ของนักเรียนอายุ 15 ปี ในด้านการอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ซึ่งถือเป็นทักษะพื้นฐานสำคัญในการดำรงชีวิตและการทำงานในศตวรรษที่ 21

 

 

การสอบ pisa

 

 

แต่ทำไม PISA ถึงมีความสำคัญมากขนาดนี้? 

 

คำตอบอยู่ที่ผลกระทบอันยิ่งใหญ่ที่มันสร้างขึ้น ไม่เพียงแต่ในระดับนโยบายการศึกษาเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในระยะยาว

   ลองนึกภาพว่า ผลการทดสอบ PISA เปรียบเสมือนกระจกบานใหญ่ที่สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของระบบการศึกษาในแต่ละประเทศ เมื่อผลการทดสอบถูกเผยแพร่ มันไม่เพียงแต่จะสร้างความตื่นตัวในวงการการศึกษาเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับนโยบายอย่างกว้างขวาง ประเทศที่มีผลการทดสอบดีจะกลายเป็นต้นแบบให้กับประเทศอื่นๆ ในการพัฒนาระบบการศึกษา ในขณะที่ประเทศที่มีผลการทดสอบไม่เป็นที่น่าพอใจ ก็จะเร่งปรับปรุงและพัฒนาระบบการศึกษาของตนเพื่อไม่ให้ล้าหลัง

   ตัวอย่างที่ชัดเจนของอิทธิพลของ PISA คือกรณีของประเทศฟินแลนด์ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาดีที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง หลังจากที่ฟินแลนด์ได้รับคะแนนสูงสุดในการทดสอบ PISA ปี 2000 และ 2003 ทำให้นักการศึกษาและผู้กำหนดนโยบายจากทั่วโลกหันมาให้ความสนใจและศึกษาระบบการศึกษาของฟินแลนด์อย่างจริงจัง นำไปสู่การปฏิรูปการศึกษาในหลายประเทศที่พยายามนำแนวทางของฟินแลนด์ไปปรับใช้

   แต่ PISA ไม่ได้มีผลกระทบเฉพาะในวงการการศึกษาเท่านั้น มันยังส่งผลต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของประเทศในเวทีโลกอีกด้วย ประเทศที่มีผลการทดสอบ PISA ดี มักจะได้รับการมองว่าเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางเศรษฐกิจในระยะยาว

   ในมุมมองทางเศรษฐศาสตร์ ผลการทดสอบ PISA มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว การศึกษาของ Hanushek และ Woessmann (2015) ได้แสดงให้เห็นว่า คะแนน PISA ที่สูงขึ้นมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) โดยการเพิ่มขึ้นของคะแนน PISA เพียง 25 คะแนน สามารถนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของ GDP ถึง 3% ในระยะยาว นี่เป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าการลงทุนในการศึกษาและการพัฒนาทักษะของประชากรไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อปัจเจกบุคคล แต่ยังส่งผลต่อความมั่งคั่งของประเทศชาติอีกด้วย

   นอกจากนี้ ผลการทดสอบ PISA ยังมีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจเชิงนโยบายของรัฐบาลในด้านการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ประเทศที่มีผลการทดสอบต่ำกว่าที่คาดหวังมักจะเร่งดำเนินการปฏิรูปการศึกษาครั้งใหญ่ ซึ่งอาจรวมถึงการเพิ่มงบประมาณด้านการศึกษา การปรับปรุงหลักสูตร และการพัฒนาคุณภาพครู การลงทุนเหล่านี้ แม้จะเห็นผลในระยะยาว แต่สามารถสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ทั้งในแง่ของการเพิ่มผลิตภาพแรงงานและการสร้างนวัตกรรม

   ในทางกลับกัน ประเทศที่มีผลการทดสอบ PISA ดีเยี่ยมมักจะได้รับความสนใจจากนานาชาติ นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของการลงทุนจากต่างประเทศและการท่องเที่ยวเชิงการศึกษา ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือกรณีของประเทศฟินแลนด์ ซึ่งหลังจากได้รับการยกย่องว่ามีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลกจากผลการทดสอบ PISA ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักการศึกษาและผู้กำหนดนโยบายจากทั่วโลกที่ต้องการศึกษาและเรียนรู้จากความสำเร็จของฟินแลนด์ ปรากฏการณ์นี้ไม่เพียงแต่สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวและการให้คำปรึกษา แต่ยังช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์และอำนาจอ่อน (Soft Power) ของประเทศในเวทีโลกอีกด้วย

   ผลการทดสอบ PISA ยังมีผลต่อการเคลื่อนย้ายของทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ ประเทศที่มีผลการทดสอบดีมักจะดึงดูดนักเรียนและแรงงานที่มีทักษะสูงจากทั่วโลก นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของ “สมองไหลเข้า” (Brain Gain) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในทางตรงกันข้าม ประเทศที่มีผลการทดสอบต่ำอาจเผชิญกับปัญหา “สมองไหลออก” (Brain Drain) ซึ่งส่งผลเสียต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว

   หากเรามองในมุมที่กว้างขึ้นมาหน่อย ทางเศรษฐศาสตร์มหภาค การลงทุนในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาเพื่อยกระดับผลการทดสอบ PISA สามารถมองเป็นการลงทุนในทุนมนุษย์ (Human Capital) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว ทฤษฎีการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบใหม่ (New Growth Theory) เน้นย้ำถึงความสำคัญของทุนมนุษย์และนวัตกรรมในการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ดังนั้น การปรับปรุงผลการทดสอบ PISA จึงไม่เพียงแต่เป็นการยกระดับคุณภาพการศึกษาเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนในอนาคตทางเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย

   ในบริบทของการแข่งขันทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ผลการทดสอบ PISA ยังมีผลต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว ประเทศที่มีแรงงานที่มีทักษะสูงมักจะมีความได้เปรียบในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและมีมูลค่าเพิ่มสูง ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับเศรษฐกิจของประเทศจากกับดักรายได้ปานกลาง (Middle Income Trap) ไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูง

   อย่างไรก็ตาม การมองผลการทดสอบ PISA เพียงมิติเดียวอาจไม่เพียงพอในการประเมินศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ปัจจัยอื่นๆ เช่น ความยืดหยุ่นของตลาดแรงงาน ประสิทธิภาพของระบบนวัตกรรม และคุณภาพของสถาบันทางเศรษฐกิจและการเมือง ล้วนมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น การใช้ผลการทดสอบ PISA ในการกำหนดนโยบายจึงควรทำควบคู่ไปกับการพิจารณาปัจจัยอื่นๆ อย่างรอบด้าน

   แม้ว่าการทดสอบ PISA เพียงครั้งเดียวอาจมีผลกระทบต่อทิศทางการพัฒนาของประเทศได้ยาวนานเป็นทศวรรษ แต่สิ่งสำคัญคือการใช้ข้อมูลและบทเรียนจาก PISA อย่างชาญฉลาดเพื่อสร้างระบบการศึกษาและเศรษฐกิจที่มีความยืดหยุ่น สามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก และตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต การลงทุนในการศึกษาและการพัฒนาทักษะของประชากรไม่ควรมุ่งเน้นเพียงแค่การยกระดับคะแนน PISA เท่านั้น แต่ควรมุ่งสู่การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่สามารถสร้างนวัตกรรมและขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

 

ขอบคุณข้อมูล

https://akjournals.com/view/journals/204/aop/article-10.1556-204.2024.00004/article-10.1556-204.2024.00004.xml

https://www.gisreportsonline.com/r/worsening-2022-pisa-tests-results-oecd/

https://link.springer.com/article/10.1007/s11092-020-09329-5

Tag

Share

Tag

Share

Authors

Authors

RELATED POSTS