ระบบการศึกษา “เอสโตเนีย” ม้ามืดหน้าใหม่ที่ล้มยักษ์ใหญ่แห่งวงการศึกษามาแล้ว
เอสโตเนีย ประเทศเล็ก ๆ ในแถบทะเลบอลติก กำลังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการการศึกษาโลก ด้วยแนวคิดที่ล้ำสมัยและการปฏิรูปอย่างกล้าหาญ ประเทศที่มีประชากรเพียง 1.3 ล้านคนนี้ได้พลิกโฉมระบบการศึกษาของตนจนกลายเป็นแบบอย่างให้นานาประเทศต้องจับตามอง
ย้อนกลับไปเมื่อสามทศวรรษก่อน เอสโตเนียเพิ่งหลุดพ้นจากการปกครองของสหภาพโซเวียต ระบบการศึกษาในขณะนั้นล้าหลังและขาดประสิทธิภาพ แต่ภายในเวลาอันรวดเร็ว เอสโตเนียได้ก้าวกระโดดจนกลายเป็นผู้นำด้านการศึกษาระดับโลก จากผลการทดสอบ PISA (Programme for International Student Assessment) ในปี 2018 เป็นหลักฐานยืนยันได้เป็นอย่างดีว่ากำลังจะมี “ม้ามืดหน้าใหม่” กำลังเข้าสู่สังเวียนการศึกษาอย่างเต็มตัว โดยการหักปากกาเซียนคว้าชัยชนะเหนือฟินแลนด์แชมป์เก่าอย่างไม่เห็๋นฝุ่น
การทดสอบ PISA 2018 เอสโตเนียทำคะแนนได้เกินกว่านักวิชาการคนไหนจะคาดการณ์ล่วงหน้าได้ โดยเฉพาะในด้านการอ่าน (Reading Literacy) ซึ่งเอสโตเนียทำคะแนนสูงเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มประเทศยุโรป แซงหน้าฟินแลนด์ที่เคยครองตำแหน่งแชมป์เก่าในด้านนี้มาอย่างยาวนาน และคะแนนในด้านคณิตศาสตร์ (Mathematical Literacy) และวิทยาศาสตร์ (Scientific Literacy) ก็ตามมาติดในอันดับต้น ๆ ของโลกอีกด้วย นี้จึงทำให้เอสโตเนียกลายเป็น 1 ใน 3 ประเทศที่มีคะแนนสูงที่สุดของโลกในทุกด้านของการสอบ PISA และกลายเป็นผู้แข่งขันหน้าใหม่ในสนามการศึกษาโลกทันที
ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้เริ่มมาจากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เริ่มต้นในช่วงต้นทศวรรษ 1990 หลังจากผ่านพ้นร่มเงาของสหภาพโซเวียตได้ไม่นาน เมื่อรัฐบาลเอสโตเนียตระหนักถึงความจำเป็นในการปฏิรูปการศึกษาเพื่อพัฒนาประเทศ พวกเขาเริ่มด้วยการลงทุนอย่างมหาศาลในโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ โครงการ “Tiger Leap” ที่เริ่มต้นในปี 1996 มีเป้าหมายในการนำคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตเข้าสู่โรงเรียนทุกแห่งทั่วประเทศ นโยบายนี้ไม่เพียงแต่ให้นักเรียนเข้าถึงเทคโนโลยี แต่ยังปูทางสู่การพัฒนาทักษะดิจิทัลที่จำเป็นสำหรับศตวรรษที่ 21 อีกด้วย
โดยหนึ่งในนโยบายที่เป็นที่สนใจของนานาประเทศคือการบรรจุวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์และการเขียนโปรแกรมให้กับนักเรียนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เอสโตเนียมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการสร้างประชากรที่มีทักษะด้านดิจิทัลตั้งแต่เยาว์วัย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัล นโยบายนี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและองค์กรการศึกษาต่าง ๆ ซึ่งร่วมมือกันพัฒนาหลักสูตรและสื่อการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับเด็กในช่วงอายุนี้
หลักสูตรการสอนวิทยาการคอมพิวเตอร์ในเอสโตเนียนี้ถูกออกแบบให้เป็นมิตรกับเด็กเล็ก เน้นการเรียนรู้ผ่านการเล่นและการทดลอง โปรแกรมที่ใช้ในการสอนเช่น Scratch ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ช่วยให้เด็ก ๆ สามารถเขียนโปรแกรมด้วยวิธีที่ง่ายและสนุก การบูรณาการวิชานี้ตั้งแต่ระดับประถมศึกษาไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนาทักษะด้านโปรแกรมมิ่ง แต่ยังส่งเสริมทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ (Analytical Thinking) การแก้ปัญหา (Problem-Solving Skills) และการทำงานร่วมกัน (Collaboration)
ซึ่งผลลัพธ์ของนโยบายนี้ถือว่าความประสบความสำเร็จยิ่ง และสร้างผลงานให้รัฐบาลอย่างคาดไม่ถึง สถาบันการศึกษาและหน่วยงานต่างๆ ออกมารับรองว่า นักเรียนที่ได้รับการเรียนการสอนในวิชานี้มีทักษะด้าน ICT สูงกว่านักเรียนในประเทศอื่น ๆ ที่ไม่ได้รับการเรียนการสอนในลักษณะเดียวกัน การบรรจุวิชานี้ยังมีผลต่อการเพิ่มโอกาสในการเรียนรู้และการพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานในอนาคต
การปฏิรูปที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือการให้อิสระแก่โรงเรียนและครูในการออกแบบหลักสูตรและวิธีการสอน แม้จะมีมาตรฐานระดับชาติเป็นกรอบ แต่โรงเรียนแต่ละแห่งสามารถปรับเนื้อหาและวิธีการสอนให้เหมาะสมกับบริบทของตนเองได้
อีกเคล็ดลับสำคัญของการพัฒนาการศึกษาประเทศเล็กๆหลังม่านทะเลบอลติกนี้ คือ การให้ความสำคัญกับการพัฒนาครูอย่างต่อเนื่อง โดยกำหนดนโยบายเคร่งครัดให้ครูต้องเข้ารับการฝึกอบรมอย่างน้อย 160 ชั่วโมงทุก 5 ปี เพื่อพัฒนาทักษะและความรู้ให้ทันสมัยอยู่เสมอ และนโยบายนี้ก็สะท้อนให้เห็นความสำเร็จจากผลสำรวจของ TALIS (Teaching and Learning International Survey) ในปี 2018 ที่พบว่า ครูในเอสโตเนียมีความพึงพอใจในอาชีพสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มประเทศอื่นๆในยุโรปด้วยกัน
โดยอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญของความสำเร็จทั้งหมดที่เรากล่าวมานี้ คือ การออกแบบระบบการศึกษาให้ “ครูเป็นครูอย่างแท้จริง หน้าที่เพียงอย่างเดียวนั่นคือ การสอน”
จาก โครงการ “Education Nation” ที่เริ่มต้นในปี 2019 ซึ่งมีการใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการเก็บข้อมูลการศึกษา มีเป้าหมายในการสร้างระบบข้อมูลการศึกษาที่โปร่งใสและปลอดภัยในการบันทึกผลการเรียนและประวัติการศึกษาของนักเรียนทุกคน นวัตกรรมนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดภาระงานด้านเอกสาร แต่ยังช่วยให้การโอนย้ายระหว่างสถาบันการศึกษาเป็นไปอย่างราบรื่นด้วยเช่นกัน
ความสำเร็จของระบบการศึกษาเอสโตเนียเป็นตัวอย่างที่ดีของการปฏิรูปอย่างกล้าหาญและมีวิสัยทัศน์ การผสมผสานระหว่างเทคโนโลยี ความยืดหยุ่น และการให้ความสำคัญกับการพัฒนาครู ได้สร้างระบบการศึกษาที่ไม่เพียงแต่มีประสิทธิภาพ แต่ยังสามารถปรับตัวรับมือกับความท้าทายในอนาคตได้อย่างดี เอสโตเนียจึงไม่ใช่เพียงแค่ “ม้ามืด” ในวงการนวัตกรรมการศึกษาอีกต่อไป แต่กำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำที่น่าจับตามองในเวทีโลก
ขอบคุณข้อมูล
https://www.bbc.com/news/av/education-25648769
https://www.linkedin.com/pulse/estonian-education-system-line-countrys-ambition-kopal-maheshwari