แก้ปัญหา Climate Change เริ่มต้นได้ที่ห้องเรียน

A A
Sep 29, 2021
Sep 29, 2021
A A

Climate Change การแก้ปัญหาเริ่มต้นได้ที่ห้องเรียน

 

สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป climate change ไฟไหม้ในแคลิฟอร์เนีย น้ำท่วมในเยอรมนีและจีน และประเทศไทยเองก็เผชิญวิกฤตินี้ติดอันดับ 8 ของโลกเช่นเดียวกัน

 

     ไฟไหม้ในแคลิฟอร์เนีย น้ำท่วมในเยอรมนีและจีน ภัยแล้งในภาคกลางของบราซิล สภาพความเป็นกรดในมหาสมุทรทำให้เกิดปะการังฟอกขาวส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล  ธารน้ำแข็งในมหาสมุทรอาร์กติกอาจละลายหายไปทั้งหมดภายในปี 2050 และมีวันที่โลกร้อนเกิน 50 องศาฯ เพิ่มเป็น 2 เท่าจาก 40 ปีก่อน 

 

     ทั้งหมดนี้ไม่ใช่พล๊อตหนังจากเรื่อง The day after tomorrow,  Armageddon หรือ 2012 แต่เกิดขึ้นจริงแล้วทั่วโลกจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป (climate change) และประเทศไทยเองก็เผชิญวิกฤตินี้ติดอันดับ 8 ของโลกเช่นเดียวกัน

 

#โลกร้อนเกี่ยวอะไรกับการศึกษา

     Benjamin Franklin กล่าวไว้ว่า: “การลงทุนในความรู้ให้ผลตอบแทนดีที่สุด” ในเรื่องสิ่งแวดล้อมก็เช่นกัน โดย UNESCO เห็นด้วยว่า เด็กและคนรุ่นใหม่เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศ  การศึกษาสามารถส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงทัศนคติและพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ได้ และช่วยให้พวกเขาปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป

 

#สิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่เรียนได้ทุกวัย

     เด็กควรเริ่มศึกษาเรื่องสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาเพราะเป็นช่วงวัยในการพัฒนาพฤติกรรม การรับรู้ทางสังคม และรู้จักการเสียสละ จึงเป็นสาเหตุจำเป็นต้องที่เริ่มความสนใจด้านสิ่งแวดล้อมในขณะที่เด็ก ๆ ยังเรียนอยู่ในโรงเรียน โดยจุดมุ่งหมายนี้เพื่อสอนให้เด็ก ๆ รู้สึกว่าธรรมชาติคือส่วนหนึ่งของชีวิตนอกเหนือจากการสอนวิชาการเพียงอย่างเดียว เพื่อให้พวกเขาเติบโตไปพัฒนาระบบนิเวศน์ที่มั่นคงในโลกที่เขาจำเป็นต้องอยู่ต่อไปในอนาคต ในปี 2560 มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดได้ศึกษาพบว่าการส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อมให้กับนักเรียนส่งผลให้ 83% ของเด็กนักเรียนปรับปรุงพฤติกรรมทางนิเวศวิทยาและ 98% ได้คะแนนดีขึ้นในวิชาอื่น ๆ เช่น คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ในงานวิจัย National Academies of Sciences ระบุว่าการเรียนเรื่องสภาพภูมิอากาศส่งผลต่อการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากแคมเปญการศึกษา 2 ปี ใน 5 รัฐของอิตาลี ที่มีครู  นักเรียนและพลเมืองเข้าร่วม พบว่ามีการปล่อยมลพิษลดลงระหว่าง 7% ถึง 30% ใน 247 ครอบครัวที่รวมอยู่ในการวิจัย 

 

     แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีโรงเรียนเป็นจำนวนน้อยที่สอนเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า ครู 86% เชื่อว่าทางทฤษฎีเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศควรได้รับการสอนในโรงเรียน แต่กลับมีความซับซ้อนในทางปฏิบัติจริงมากกว่าครึ่ง หรือ 55% ของครูไม่เคยพูดหรือสอนนักเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งสาเหตุนั้นมาจาก 65% มองว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่สอน 20% มองว่านักเรียนยังเด็กเกินไป 17% พบว่าครูยังมีความรู้ไม่มากพอที่จะสอนเรื่องนี้ 

 

     สิ่งแวดล้อมอาจจะไม่ใช่เป็นเพียงความรับผิดชอบของหน่วยงานอุตสาหกรรม การอุปโภค บริโภค หรือนักสิ่งแวดล้อมเท่านั้น การปลูกฝังด้านสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิต และควรรวมอยู่ในหลักสูตรของโรงเรียนทุกแห่ง รวมทั้งในกิจกรรมอื่น ๆ เช่น การประชุม และสอดแทรกอยู่ในห้องเรียน โดยปรับให้เข้ากับอายุและวุฒิภาวะและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงและตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสนุกเพื่อให้เกิดความยั่งยืนอีกด้วย

 

     องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) กล่าวว่าการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมควรเป็นการสอนมาตรฐานในทุกประเทศภายในปี 2568 ซึ่งอิตาลีได้เป็นประเทศแรกของโลกที่มีการสอนเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในการศึกษาภาคบังคับประเทศอื่น ๆ เช่น อาร์เจนตินา เม็กซิโก นิวซีแลนด์ ในสหราชอาณาจักร ก็เริ่มให้เรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรพื้นฐานของโรงเรียนเช่นเดียวกัน

 

     สำหรับประเทศไทยได้มีแผนยุทธศาสตร์และโร้ดแมพขับเคลื่อนงานสิ่งแวดล้อมศึกษาตั้งแต่ประถมจนถึงอุดมศึกษา และต่อยอดสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิต นอกจากนั้นยังมี โครงการ Eco-Schools ที่มุ่งเน้นการพัฒนาการเรียนการสอนผ่านการทำกิจกรรมเพื่อพัฒนาการจัดการสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน โดยมีสมาชิกกว่า 50,000 โรงเรียนจาก 64 ประเทศทั่วโลก โดยประเทศไทยมีโรงเรียนเข้าร่วมทั้งหมด 21 โรงเรียน ทั้งในกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ นนทบุรี และภูเก็ต ซึ่งนับว่ามีจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับโรงเรียนที่มีอยู่ประเทศไทยทั้งหมด 35,202 โรงเรียน 

 

#จุดเริ่มต้นจากห้องเรียน

     ไม่ใช่แค่ครูสอนวิทยาศาสตร์ที่ต้องสอนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเสมอไป วิชาอื่นอย่างสังคมศึกษา เศรษฐศาสตร์ ศิลปะ คณิตศาสตร์ หรือภาษาอังกฤษก็สอนได้เช่นกัน ครูสังคมอาจจะสอนเรื่อง ปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม เศรษฐศาสตร์สอนเรื่องการลงทุนในสิ่งแวดล้อม ครูคณิตศาสตร์ให้นักเรียนคำนวณปริมาณน้ำฝนที่เปลี่ยนแปลงไปจากสภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเริ่มสอนสิ่งเหล่านี้จากในห้องเรียนเป็นการเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้ดูแลสิ่งแวดล้อมรอบตัวและแผ่ขยายไปในโรงเรียน ครอบครัว และชุมชน ซึ่งครูเองควรส่งเสริมให้เด็ก ๆ ได้ทำกิจกรรมนอกห้องเรียนและมีส่วนร่วมกับธรรมชาติมากขึ้น เช่น 

  • การทำกิจกรรมทางธรรมชาติ การได้ใกล้ชิดกับสิ่งแวดล้อมจะทำให้เด็กนักเรียนตระหนักถึงความสำคัญในการปกป้องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
  • การเที่ยวฟาร์มและสวน  โดยใช้เวลาท่ามกลางต้นไม้ ธรรมชาติ และสัตว์เป็นวิธีที่ให้เด็ก ๆ รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติทำให้เรียนรู้ที่จะดูแลและเคารพธรรมชาติรอบตัว
  • การเก็บขยะ ใช้เวลาสองสามชั่วโมงในการเก็บออกจากพื้นที่ป่าไม้ สวน และริมแม่น้ำ หรือเก็บขยะจากรอบ ๆ โรงเรียน 
  • การแยกขยะในห้องเรียน การมีถังขยะหลากสีในห้องเรียนเป็นการส่งเสริมให้เด็ก ๆ รู้จักการรีไซเคิลเพื่อเป็นการประหยัดทรัพยากร
  • การพูดเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่นการจัดอภิปรายเกี่ยวกับประเด็นทางนิเวศวิทยาแบบง่าย ๆ ให้เด็ก ๆ ได้คิดถึงสาเหตุการเกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและหาแนวทางแก้ไขที่เป็นไปได้

 

#อนาคตโลกต้องการทักษะใหม่

     25% ของประชากรโลกมีอายุต่ำกว่า 18 ปี จึงส่งผลให้เด็กและเยาวชนมีความเสี่ยงมากที่สุดจากผลกระทบของสภาพอากาศที่จะเลวร้ายลงเมื่อเวลาผ่านไป โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติมองว่าเยาวชนจะต้องได้รับทักษะใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งอาชีพด้านเกษตรกรรม สถาปัตยกรรม วิทยาศาสตร์ และงานระบบ ทักษะใหม่เหล่านี้จะเป็นที่ต้องการอย่างมากในระบบเศรษฐกิจสีเขียวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต การปลูกฝังทักษะด้านสิ่งแวดล้อมให้เก็บเด็ก ๆ ในวันนี้ อาจจะทำให้พวกเขาเติบโตและประสบความสำเร็จในอาชีพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามที่สังคมต้องการ และการแก้ไขเรื่องสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนาน อาจจะ 20-40 ปี ดังนั้นโรงเรียนจึงเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการให้ความรู้เด็ก ๆ ในการรับมือและการแก้ไขปัญหาที่ท้าทายเหล่านี้เพื่อให้พวกเขาได้สร้างสิ่งที่มีความหมายต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเองต่อไปในอนาคตข้างหน้า

 

อ้างอิง

Share

Authors

Authors

RELATED POSTS