ทำความเข้าใจ Generation Alpha เด็กที่โอบอุ้มโลกของเราในรุ่นต่อไป
- Generation Alpha คือวัยที่เกิดระหว่างปี 2010 – 2025 คือเจเนอเรชันที่เกิดท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งเทคโนโลยีและโรคระบาด การปรับตัวทางการศึกษา ส่งผลให้ชีวิตของเด็กในวัยนี้เปลี่ยนไปไกลเกินกว่าที่คนในวัย ๆ ก่อนเคยได้เรียนรู้
- Generation Alpha เป็นวัยที่เข้าถึงข้อมูลได้ทันที การเรียนรู้ที่ตรงประสบการณ์แต่ละคนจึงเป็นเรื่องสำคัญ การสอนแบบบรรยายเป็นการสอนที่ไม่ได้ผลแก่เด็ก ๆ ครูอาจต้องเปลี่ยนหน้าที่จากการสอนเป็นคนอำนวยความสะดวกการสอนในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆแทน
- Generation Alpha จะใช้เวลาในการเรียนรู้มากกว่าเจเนอเรชันอื่นเนื่องจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่มากขึ้นทำให้พวกเขาสามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลา
Generation Alpha คือวัยที่เกิดระหว่างปี 2010 – 2025 คือเจเนอเรชันที่เกิดท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งเทคโนโลยีและโรคระบาด การปรับตัวทางการศึกษา ส่งผลให้ชีวิตของเด็กในวัยนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม และดิจิทัล การเรียนรู้ของ Generation Alphaอาจเปลี่ยนไปไกลเกินกว่าที่คนในวัย ๆ ก่อนเคยได้เรียนรู้ เด็กวัยนี้เรียนรู้อย่างเป็นกระบวนการ ผ่านการลงมือทำ การออกแบบห้องเรียนที่คำนึงถึงการลงมือทำผสานกับเทคโนโลยีจึงเป็นวิธีการสำคัญสำหรับ Generation Alpha
Generation Alpha มีวิธีการการเรียนรู้ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง คุณครูหรือนักการศึกษาจึงต้องมีวิธีการออกแบบการเรียนรู้เพื่อสนับสนุนเด็กในวัยนี้ รวมถึงการออกแบบสภาพแวดล้อม การทำความเข้าใจ ซึ่งเป็นความท้าทายจะช่วยให้สนับสนุนเด็กในวัยนี้ได้มากขึ้น
ต่อไปนี้เป็นสิ่งที่คุณควรคำนึงถึงเมื่อพูดถึง Generation Alpha
1.พวกเขาจะเป็นคนรุ่นที่มีการศึกษามากที่สุด
นักวิจัยได้บอกว่า Generation Alpha จะกลายเป็นคนรุ่นที่มีการศึกษามากที่สุดเท่าที่เคยมีมาเป็นรุ่นที่ใช้เทคโนโลยีมากที่สุดเช่นกัน มหาวิทยาลัยต้องมีการตอบสนองต่อความแตกต่างของแต่ละคนได้ในอนาคต
2.เทคโนโลยีจะเป็นกุญแจสำคัญของคนในวัยนี้
ถึงแม้ว่าคนรุ่นมิลเลนเนียลอาจจะเป็นรุ่นแรกที่เติบโตในโลกดิจิทัล แต่ Generation Alpha เป็นเจเนอเรชันที่คุ้นเคยกับการบูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับชีวิตมากที่สุด พวกเขาอาจจะนึกไม่ออกเลยถึงโลกที่ไม่มีดิจิทัล ไม่มีอินเทอร์เน็ต มีหลักฐานบ่งบอกว่าเด็กในวัยนี้จะก้าวข้ามทักษะด้านเทคโนโลยีก่อนอายุ 8 ปี และก่อนพ่อแม่ของพวกเขาด้วยซ้ำ
3.ให้ความสำคัญกับประสบการณ์
10 ปีที่แล้ว คนส่วนใหญ่อาจไม่คุ้นชินในชีวิตที่ยังไม่เคยมี Siri หรือGoogle Assistant ในชีวิตแต่สำหรับ Generation Alph สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่อยู่โดยธรรมชาติ สำนักงานประเมินผล Eduniversal (EEA) ได้บอกว่าแนวทางการเรียนรู้ของเด็กในวัย Alpha จะถูกหลอมรวมเข้ากับการใช้ AI ดังที่เราเห็นการเรียนรู้ผ่าน Platform Online ต่าง ๆ หรืออย่างที่เราเห็นได้อย่างชัดเจนที่เริ่มใช้ ChatGPT เข้ามามีบทบาทในด้านการศึกษามากขึ้น
4.การเรียนรู้ส่วนบุคคลสูงเป็นสิ่งจำเป็น
Generation Alpha เป็นวัยที่เข้าถึงข้อมูลได้ทันที การเรียนรู้ที่ตรงประสบการณ์แต่ละคนจึงเป็นเรื่องสำคัญ การสอนแบบบรรยายเป็นการสอนที่ไม่ได้ผลแก่เด็ก ๆ ครูอาจต้องเปลี่ยนหน้าที่จากการสอนเป็นคนอำนวยความสะดวกการสอนในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆแทน โดยนักเรียนจะกลายเป็นผู้เรียนที่เชี่ยวชาญในการใช้เครื่องมือที่มีอยู่เพื่อให้พวกเขาบรรลุเป้าหมายการเรียนรู้ที่ต้องการ โดยวิธีการเรียนรู้เหล่านี้จะทำให้เด็กในวัยนี้รู้สึกเชื่อมั่นในความสามารถของตนเองและทำให้ความรู้พัฒนาได้อย่างรวดเร็ว
5.พวกเขาต้องการ ” การศึกษาขั้นสูง ” แต่ไม่จำเป็นต้องมีวุฒิการศึกษา
ปฎิเสธไม่ได้ว่า Generation Alpha สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วมากเกินที่จะบอกว่าวัยนี้ควรรู้เรื่องอะไรบ้างจนทำให้เกิดคำถามว่าปริญญายังจำเป็นอยู่ไหมสำหรับยุคนี้ Generation Alpha จะใช้เวลาในการเรียนรู้มากกว่าเจเนอเรชันอื่นเนื่องจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่มากขึ้นทำให้พวกเขาสามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลา ใบปริญญาอาจไม่มีความจำเป็นในตลาดงาน อาจเป็นโอกาสสำหรับมหาวิทยาลัยในการปรับตัวและพัฒนาทักษะที่นักเรียนต้องการเพื่อให้เหมาะกับความต้องการในการใช้งานในอนาคตแห่งโลกความเป็นจริงที่จะมีบทบาทสำคัญ มหาวิทยาลัยต้องปรับตัวเพื่อรองรับต่อ Generation Alpha ครูต้องปรับตัวจำเป็นต้องมีหลักสูตรที่นักเรียนสามารถเข้าถึงทุกสิ่งได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ภายในหรือภายนอกโรงเรียน
6.วิธีการทำงานจะเปลี่ยนไป
Generation Alpha เป็นกลุ่มที่ในอนาคตจะเพิ่มมากขึ้นสองพันล้านคนในสถานที่ทำงาน David Bach ผู้เขียนหนังสือขายดีThe Automatic Millionaire กล่าวไว้ ว่าGeneration Alpha จะส่งผลกระทบต่อรูปแบบการทำงาน คนวัยนี้จะหาบริษัทที่สอดคล้องกับค่านิยมในการทำงานของตัวเอง ไม่ได้คำนึงความเป็นส่วนตัวในที่ทำงานเพราะในอนาคตอาจจะมีการทำงานในรูปแบบออนไลน์และ Anywhere และใช้เทคโนโลยีเชื่อมต่อในหลายส่วน สถานที่ทำงานมีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าต้องการการสนับสนุนเรื่องสุขภาพจิตในที่ทำงาน
การเรียนรู้ในอนาคตจะสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา เพราะโลกทั้งใบกลายเป็น “ห้องเรียน” สังคมควรเปิดโอกาสและสนับสนุนให้เด็ก ๆ ได้พัฒนาความสามารถและตั้งเข็มทิศของตนเองสำหรับการเรียนรู้
ยิ่งผู้คนแวดล้อมทำความเข้าใจพวกเขามากเท่าไร เด็ก ๆ ก็พร้อมที่จะพัฒนาศักยภาพของตัวเองอย่างเต็มที่เพื่อเรียนรู้สร้างโลกใหม่ต่อไป
อ้างอิง
https://www.keg.com/news/getting-to-know-generation-alpha-10-takeaways-for-higher-ed
https://www.corgan.com/news-insights/2021/generation-alpha-designing-for-the-next-generation-of-learners