ตามหาทักษะที่ซ่อนตัวอยู่ในฉากฆาตกรรมกับการ์ตูนมังงะชื่อดังระดับโลก

A A
Jan 13, 2023
Jan 13, 2023
A A

ตามหาทักษะที่ซ่อนตัวอยู่

ในฉากฆาตกรรมกับการ์ตูนมังงะชื่อดังระดับโลก

 

หากเราลองสังเกตดี ๆ คดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในโลกการ์ตูนมังงะส่วนใหญ่ ที่มีรูปคดีผิดปกติ จะมีตัวละครเด็กเป็นหนึ่งของเหตุการณ์เสมอ เพราะการใช้ภาพลักษณ์เด็กคอยเรียงร้อยเชื่อมโยงเรื่อง ทำให้การสืบสวนคดีดูตื่นเต้นขึ้นไปอีกขึ้น เนื่องจากในสายตาของผู้ใหญ่ที่มองความคาดการณ์ของเด็ก มักจะทำให้คนดูอย่างเราสงสัยได้เสมอว่า ผู้เขียนการ์ตูนจะทำให้คนอื่นเชื่อคำพูดของเด็กได้อย่างไร ? 

“ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว”

ประโยคทรงพลังจากการ์ตูนมังงะเรื่องดังในตำนาน ที่เราจะได้เห็นการดำเนินเรื่องของตัวละคร ชินอิจิ โคนัน ที่ได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กประกอบกับการมีพ่อเป็นนักเขียนนิยายสืบสวนสอบสวนชื่อดัง ส่งผลให้เค้าเป็นนักสืบที่มีชื่อเสียงได้ตั้งแต่อายุ 17 การวางเงื่อนงำปริศนาของคดีที่ทำให้ผู้ชมผู้อ่านรู้สึกสงสัย กลเม็ดที่คนร้ายใช้ในการอำพรางคดี ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้เป็นอะไรที่ให้มากกว่าแค่ความบันเทิง

 

คดี : ฆาตกรรมชายที่ถูกฆ่า 4 ครั้ง

นักสืบเอกชน โมริ โกโกโร่ ซึ่งเป็นคนที่แฟนเดนตายของโคนันย่อมรู้จักกันดี เพราะบ่อยครั้งที่การวิเคราะห์คดีฆาตกรรมของโมริมีความผิดพลาด โคนันมักจะใช้ลูกดอกยาสลบขนาดเล็กยิงโมริให้สลบ แล้วแฝงตัวใช้เสียงพากย์เพื่อไขคดี 

ในคดีนี้โมริ โกโกโร่ ได้รับการว่าจ้างจากผู้หมวดยามามูระ เพื่อช่วยสืบหาตัวคนร้ายที่แท้จริงในคดีที่เขารับผิดชอบ คือ โดมิขามะ ไทจิ นักแสดงชื่อดังวัย 58 ปี ได้ถูกฆ่าดายเมื่อ 3 วันก่อน เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ หลายๆคนก็คงจะสงสัยว่า คดีดูเหมือนเป็นฆาตกรรมง่ายๆ ไม่น่าจะเกินกำลังของตำรวจที่จะสืบสวนเอง แต่สาเหตุที่ผู้หมวดยามามูระมาถึงกับต้องกุบขมับ แบกหน้ามาขอความช่วยเหลือจากนักสืบเอกชนก็คือมีคนออกมายอมรับว่าเป็นคนร้ายถึง 3 คน 

คดีเกิดขึ้นเมื่อ 3 วันก่อนประมาณ 2 ชั่วโมงก่อนที่การแสดงรอบสุดท้ายของผู้ตายจะเริ่มต้นขึ้น เบื้องต้นมีการสันนิษฐานเวลาตายคือ 2 ชั่วโมงก่อนที่จะพบศพ ลักษณะศพ พบร่องรอยถูกกระแทกด้วยของไม่มีคมบริเวณศีรษะ จึงคาดการณ์ว่าเป็นการฆาดกรรม

แต่เมื่อส่งศพไปพิสูจน์ที่ศูนย์นิติเวชและสอบปากคำผู้ต้องสงสัย 3 คนเป็นซึ่งนักแสดงที่พักอยู่บริเวณห้องพักของผู้ตาย ได้แก่ 

คนแรกคือ คะซึมาตะ เคนโง นักแสดงที่ มีความใฝ่ฝืนอยากเล่นบทนักแสดงนำที่ผู้ตายแสดงอยู่ตลอดระยะเวลา 10 ปี 

คนที่สองคือ นี่คูระ โขมิโกะ เธอมีปัญหาส่วนตัวกับผู้ตาย เนื่องจากถูกผู้ตายตามตื้ออยู่ตลอดเวลา 

คนสุดท้าย ไฮชิโนะ ฮารุยูกิ เขามีใจให้กับนี่ดูระ โขมิโกะ และไม่พอใจเมื่อเห็นผู้ตายคอยตามดื้อโยมิโกะ

 

โคนัน-คดีฆาตรกรรม

 

เมื่อตำรวจสอบปากคำผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คน

คะซึมาตะ เคนโง ให้การว่าช่วงเวลาเกิดเหตุผู้ตายเข้ามาในห้องแต่งตัวของเขาด้วยท่าทีเดินเซไปมาคล้ายกับมึนเมา ขณะที่เขากำลังอ่านบทตัวแสดงหลักซึ่งเป็นบทของผู้ตาย ก็ทำให้ผู้ตายเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวฉีกบทและบอกว่าคนอย่างเขาไม่มีโอกาสได้เล่นบทสำคัญอย่างผู้ตายแน่นอน เมื่อได้ยินดังนั้น คะซึมาตะ เคนโง จึงโมโหขาดสติหยิบแจกันในห้องทุบลงที่หัวผู้ตายและลากผู้ตายไปที่ห้องแต่งตัวของเขาเพื่อโยนความผิดให้กับภรรยาเนื่องจากช่วงนี้ผู้ตายกับภรรยามีปัญหากันอยู่

ส่วนโฮชิโนะ ฮารุยูกิ ให้การว่าผู้ตายข้ามาในห้องแต่งตัวของเขาและโวยวายพร้อมทั้งพูดจาข่มขู่ว่า โยมิโกะ เป็นของเขาและจะไม่ยอมยกเธอให้ใครเป็นอันขาด ด้วยความโมโหเขาเลยหยิบแจกันทุบที่หัวของผู้ตายและลากผู้ตายกลับไปที่ห้อง 

โยมิโกะ ให้การว่าในขณะนั้นผู้ตายเข้ามาในห้องแต่งตัวของเธอและพยายามจะขืนใจเธอด้วยความตกใจและพยายามป้องกันตัวเธอจึงหยิบแจกันในห้องทุบลงที่หัวของผู้ตายและวิ่งหนีไป

จากตรวจสอบแจกันทั้ง 3 ใบของผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คน

พบว่ามีร่องรอยว่าถูกใช้ทุบอะไรบางอย่างจริงๆ เอกสารประกอบคดีและรูปถ่ายที่หมวดยามามูระนำมาให้โมริและโคนันตรวจสอบ เมื่อโคนันได้เห็นภาพถ่ายของศพก็เกิดความสงสัย เนื่องจากลักษณะการตายจากสาเหตุถูกแจกันทุบ แทนที่จะกุมศีรษะ ผู้ตายกลับอยู่ในท่าทางวางมือกุมหน้าอกแทน และยิ่งไปกว่านั้นผลจากนิติเวชสรุปว่าสาเหตุการตายมาจากหัวใจวายและบาดแผลที่ศีรษะก็ไม่ได้มีความรุนแรงมากพอขนาดทำให้เสียชีวิต 

คำตอบจากพยานอีกคน โปรดิวเซอร์กองถ่ายของผู้เสียชีวิตให้การว่าตอนเช้าของวันที่เกิดเหตุ ผู้ตายมีอาการหัวใจกำเริบและเมื่อทานยาไปอาการก็ทุเลาลง จึงสันนิษฐานว่าหลังจากที่ผู้ตายถูกตีที่ศีรษะ อาการโรคหัวใจก็อาจกำเริบโดยที่ตลับยาที่เขาพกห้อยคอไว้ตลอดไม่มียาหลงเหลือแล้ว จึงอาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิต แต่การวิเคราะห์ของผู้หมวดยามามูระและโมริ โคโกโร่ ยังมีสิ่งที่น่าสงสัยหลายอย่าง เพราะลองมองย้อนกับความเป็นจริง คงไม่มีผู้ป่วยโรคหัวใจที่รักชีวิตคนไหนปล่อยประละเลยเรื่องสำคัญอย่างเรื่องยาไปได้ 

เมื่อเดินทางมาพบผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คนรวมไปถึงภรรยาของผู้ตาย โคนันจึงหาข้อมูลเพิ่มเติมจากเพื่อนสนิทผู้ตายที่เป็นผู้พบศพคนแรก ได้ทราบว่าช่วงเช้าที่ผู้ตายมีอาการกำเริบ ความจริงแล้วในตลับยานั้น ยังเหลือยาอยู่ 3 เม็ด จึงทำให้โคนันมั่นใจยิ่งกว่าเดิมว่า สาเหตุการตายไม่ได้มาจากบาดแผลที่ศีรษะะอย่างแน่นอน เมื่อทราบทิศทางความเป็นไปได้ของสาเหตุของการเสียชีวิตแล้ว โคนันจึงเริ่มคลีคลายคดีโดยเริ่มเรียงลำดับสถานการณ์ใหม่จากคำให้การคบผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 เริ่มจาก คะซึมาตะ เคนโง่ ที่ให้การว่าผู้ตายเข้ามาในห้องแต่งตัวของเขาด้วยท่าทีเดินเซไปมาคล้ายกับมึนเมา ซึ่งผู้ตายป่วยเป็นโรคหัวใจไม่น่าจะดื่มเหล้าได้ และท่าที่เดินโซเซน่าจะมาจากถูกทุบศีรษะมาก่อนหน้านี้ ท่าทางโวยวายพร้อมทั้งพูดจาข่มขู่จากคำให้การของ โฮชิโนะ ซึ่งไม่มี

เหตุผลที่อยู่ๆเขาจะไม่พอใจโวยวายขึ้นมา ถ้าหากไม่มีประเด็นอะไรให้โมโหก่อนหน้านี้

ส่วนคำให้การของ โยมิโกะ สรุปได้ว่าผู้ตายตั้งใจเข้าไปที่ห้องของเธอเองเป็นอันดับแรกเพื่อที่จะลวนลาม แต่ก็ถูกเธอปฏิเสธและทุบศีรษะ  ในสถานการณ์นั้นโยมิโกะคิดว่าเขาคงตายแล้วจึงรีบวิ่งหนีออกจากที่เกิดเหตุฆาตกรรม

แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ฟื้นขึ้นมา ด้วยความโกรธจึงเข้าไปที่ห้องแต่งตัวของ โฮชิโนะ ฮารุยูกิ เพราะคิดว่าที่ถูกโยมิโกะปฏิเสธเป็นเพราะโฮชิโนะ และถูกทุบเข้าที่ศีรษะอีกครั้ง สุดท้ายแล้วผู้ตายก็เข้าไปที่ห้องของ คะซึมาตะ และถูกทุบศีรษะอีกเป็นครั้งที่ 3 แต่ก็ยังไม่เสียชีวิตโดยทันที เนื่องจากคำให้การของคะซึมาตะที่บอกว่าเขาลากผู้ตายไปที่ห้อง  ลักษณะการตายของศพจึงควรที่จะมีลักษณะยกมือขึ้นมากกว่า แต่ในสภาพที่เกิดเหตุนั้นผู้ตายใช้มือกุมหน้าอก เนื่องจากผู้ตายฟื้นขึ้นมาเป็นครั้งที่สามแต่ขณะนั้นกลับมีอาการโรคหัวใจกำเริบขึ้นมา

 

โคนัน-คดีฆาตรกรรม

 

โคนันจึงรวบรวมข้อมูลวิเคราะห์สถานการณ์ฆาตกรรมทั้งหมดและสรุปการตายได้ว่า

ขณะที่ผู้ตายมีอาการโรคหัวใจกำเริบนั้นคาดว่าในตลับยาเหลือยาอยู่เพียงหนึ่งเม็ดและเขาก็ทานเข้าไปแต่ยาเม็ดนั้นกลับไม่ใช่ยาสำหรับรักษาโรคหัวใจ 

เพราะคนร้ายในคดีนี้คือ…………

ภรรยาของผู้ตายเองที่เปลี่ยนยาในตลับของผู้ตาย ขณะที่ผู้ตายอาบน้ำ เนื่องจากผู้ตายพกตลับยาติดตัวตลอดเวลา ผู้ต้องสงสัยคนอื่นจึงไม่สามารถสับเปลี่ยนยาได้ และผลการพิสูจน์ในตลับยาก็พบว่าเคยมียาโรคกระเพาะของภรรยาผู้ตายใส่ไว้ จากข้อกล่าวหาทั้งหมดคนร้ายจึงสารภาพว่าทุกอย่างเป็นความจริง เหตุจูงใจมาจากพักหลังเธอมีปัญหากับผู้ตายบ่อยครั้ง นิสัยเจ้าชู้ของผู้ตายทำให้เธอตัดสินใจลงมือเพื่อต้องการมรดกเท่านั้นเอง 

 

จากคดีฆาตกรรมนี้เราจะเห็นได้ว่าวิธีการสืบสวนหาตัวคนร้ายที่ดูเหมือนงมเข็มไปเรื่อย จริงๆแล้วมีกลับซ่อนกลวิธีลำดับการคิดวิเคราะห์ไว้อย่างแยบยล

 

การสังเกตความผิดปกติในรูปคดี

เมื่อเกิดคดีฆาตกรรมขึ้น ในลำดับแรกโคนันจะเริ่มสังเกตความผิดปกติเพื่อรวบรวมข้อมูลของคดีเช่น สภาพศพ สถานที่เกิดเหตุ ผู้ต้องสงสัยเและผู้ที่เกี่ยวช้อง สภาพแวดล้อมในที่เกิดเหตุ รวมไปถึงสิ่งเล็กน้อยที่คนทั่วไปคิดว่าไม่มีความเชื่อมโยงกับคดี 

 

การสืบหาสาเหตุ

การที่ผู้หมวดยามามูระมาขอความช่วยเหลือ โมริ โคโกโร่ ให้ช่วยสืบหาตัวคนร้ายที่แท้จริงในคดีที่เขารับผิดชอบ ในขณะที่ ผู้ออกมายอมรับว่าเป็นคนร้ายถึง 3 คนจากการสอบปากคำผู้ต้องสงสัย 3 คนเป็นนักแสดงที่พักอยู่บริเวณห้องพักของผู้ตาย คะซึมาตะ เคนไง ให้การว่าช่วงเวลาเกิดเหตุผู้ตายเข้ามาในห้องแต่งตัวของเขาด้วยท่าที่เดินซไปมาคล้ายกับมึนเมา ขณะที่เขากำลังอ่านบทตัวแสดงหลักซึ่งเป็นบทของผู้ตายก็ทำให้ผู้ตายเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวฉีกบทและเกิดมีปากเสียงขึ้นจนทำให้คะซึมาตะ เคนโง โมโหขาดสติหยิบแจกันในห้องทุบลงที่หัวผู้ตาย ส่วน โฮชิโนะ ฮารุยูกิ ให้การว่าผู้ตายเข้ามาในห้องแต่งตัวของเขาและโวยวายพร้อมทั้งพูดจาข่มขู่ว่านี่ด โยมิโกะ เป็นของเขาและจะไม่ยอมยกเธอให้ใครเป็นอันขาด ด้วยความโมโหเขาเลยหยิบแจกันทุบที่หัวของผู้ตายและลากผู้ตายกลับไปที่ห้องและให้การว่าในขณะนั้นผู้ตายเข้ามาในห้องแต่งตัวของเธอและพยายามจะขืนใจเธอด้วยความตกใจ เธอจึงพยายามป้องกันตัวโดยการงหยิบแจกันในห้องทุบลงที่หัวของผู้ตายและวิ่งหนีไป

 

โคนัน-คดีฆาตรกรรม

 

จากคำให้การของทั้ง 3 คน สิ่งที่ผิดปกติของคดีนี้คือ การยอมรับว่าเป็นคนร้ายพร้อมกันถึง 3 คน หลักเหตุและผลในการหาสาเหตุในคดีนี้ จึงเป็นไปตามหลักแนวคิดของเดวิด สูม ที่กล่าวถึงการสามารถสัมผัสถึงเหตุและผล แต่ไม่สามารถสัมผัสถึงความสัมพันธ์ของเหตุและผลได้เนื่องจากเป็นนามธรรม จึงทำให้เกิดการคาดการณ์กล่าวคือเราทราบสาเหตุการตายคือการทุบที่ศีรษะ แต่ไม่สามารถสัมผัสความสัมพันธ์ของเหตุและ

ผลได้จึงต้องอาศัยการคาดการณ์ คดีนี้ โคนันคลี่คลายและได้ข้อสรุปโดยอาศัยการเชื่อมโยงเหตุการณ์จากคำให้การของผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 เพียงเท่านั้น เนื่องจากใช้การสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม คือ การสังเกตที่ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์นั้นๆด้วยตนเอง 

ในอีกทางหนึ่ง นักสืบและตำรวจใช้หลักความเป็นจริง วิทยาศาสตร์ และข้อมูลในการสืบคดี ตั้งสมมติฐานในการหาหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงประกอบสำนวนคดี การเรียนรู้ที่จะคิดเหมือนฆาตกรไม่ใช่แนวทางที่สอนในโรงเรียนโรงเรียนทั่วไป จึงเป็นหน้าที่ของพ่อแม่อย่างเรา ๆ ที่จะใส่ความเป็นเหตุเป็นผลเข้าไปในการ์ตูนที่ลูกช่วงสุดสัปดาห์

 

 

 

อ้างอิง
https://medium.com/@jasonmuell/when-murder-meets-advertising-a-case-study-with-detective-conan-8bff6526f6ae
https://www.animenewsnetwork.com/interest/2018-04-23/detective-conan-film-craze-kicks-up-with-escape-room-crime-investigation-experience-prize-lottery/.130503
https://www.miraikan.jst.go.jp/en/exhibitions/spexhibition/conan.html

Share

Authors

Authors

RELATED POSTS