ครูออกเสียงชื่อนักเรียนผิด ชีวิต (นักเรียน) เปลี่ยน
- การที่ครูเรียกชื่อนักเรียนผิดในชั้นเรียนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อย โดยเฉพาะนักเรียนที่มาจากครอบครัวที่พ่อแม่อพยพมา หรือเป็นนักเรียนผิวสี
- การเรียกชื่อนักเรียนผิดอยู่เรื่อย ๆ จะส่งผลเสียในระยะยาวต่อนักเรียนหลายด้าน และยังทำให้ผลการเรียนแย่ลงได้ด้วย
- ทัศนคติและความพยายามของครูในการเรียนรู้ที่จะออกเสียงชื่อนักเรียนอย่างถูกต้องมีความสำคัญต่อนักเรียนมาก
คุณเคยมีประสบการณ์เหล่านี้ไหม?
ครูขานชื่อนักเรียนในชั้นวันแรก แล้วไม่รู้ว่า อ่านชื่อนักเรียนคนนั้นถูกหรือเปล่า…
ลูก ๆ กลับมาเล่าให้ฟังว่า ในห้องไม่มีใครเรียกชื่อถูกเลย ไม่ว่าจะเป็นครูหรือเพื่อน…
ไปเรียนเมืองนอกแล้วได้ชื่อใหม่ในภาษานั้น เพราะไม่มีใครเรียกชื่อไทยได้เลย…
ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทไหน หลายคนน่าจะมีประสบการณ์เหล่านี้มาบ้าง อย่างน้อยที่สุดก็อาจเป็นเรื่องราวของคนใกล้ตัว มองเผิน ๆ เราอาจคิดว่า แค่เรียกชื่อผิดไม่เห็นเป็นไรเลย ใช่ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่การเรียกชื่อผิดอย่างเดียว เพราะสิ่งที่น่ากังวล คือ การที่เราไม่พยายามเรียกชื่อนักเรียนให้ถูกต้อง เรื่องเล็ก ๆ ที่เราเคยคิดอาจส่งผลเสียใหญ่โตกว่าที่เราจะจินตนาการได้เลยทีเดียว เพราะการเรียกชื่อนักเรียนผิดอยู่เรื่อย ๆ จะส่งผลเสียในระยะยาว ทำให้นักเรียนกลายเป็นคนเก็บตัว พยายามซ่อนหรือเปลี่ยนแปลงตัวตนเพื่อให้เข้ากับคนอื่นได้ สุดท้ายแล้ว นักเรียนจะสูญเสียความเชื่อมโยงกับรากเหง้าของครอบครัวตนเอง และส่งผลต่อการเรียนรู้ของพวกเขาในท้ายที่สุด
ทำไมชื่อถึงสำคัญนัก มันสะท้อนอะไรมากกว่าแค่คำที่ใช้เรียกแทนตัวเรา แล้วเราทำอะไรได้บ้างเพื่อไม่ให้การเรียกชื่อผิด ๆ กลายเป็นเรื่องตลกในชั้นเรียน จนอาจสร้างบาดแผลให้ใครบางคนโดยไม่รู้ตัว
สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ “ชื่อนักเรียน”
เมื่อเราเอ่ยชื่อใครขึ้นมาสักคน ทันทีที่เราเอ่ยชื่อนั้นออกมา เรานึกถึงอะไรบ้าง รูปลักษณ์หน้าตา นิสัยเฉพาะตัว ลักษณะท่าทาง ฯลฯ ชื่อของคนเราสื่อถึงการดำรงอยู่ของเรา มันสะท้อนถึงตัวตนของเราในฐานะปัจเจกชน ไม่เพียงแค่ชื่อจะบ่งบอกอะไรมากมายเกี่ยวกับตัวเราเท่านั้น แต่ชื่อส่วนใหญ่ยังสะท้อนถึงวัฒนธรรมและความเชื่อของครอบครัว การตั้งชื่อให้เด็กสักคนถือเป็นงานใหญ่ของพ่อแม่ และชื่อก็ยังเป็นหนึ่งในสิ่งแรกที่เด็กเรียนรู้เมื่อเขาโตขึ้น
ถ้าเราลองคุยกันเรื่องชื่อของแต่ละคน นี่อาจกลายเป็นหัวข้อที่คุยได้ไม่รู้จบ แค่ในวัฒนธรรมหรือภาษาเดียวกันก็มีเรื่องให้เล่าได้มากมาย แล้วถ้าเราคุยเรื่องชื่อกับคนต่างภาษา ต่างวัฒนธรรมล่ะ มันอาจเป็นหนึ่งในหัวข้อที่สนุกที่สุดในการสนทนาแลกเปลี่ยนกัน เพราะในบางวัฒนธรรม พ่อแม่ก็ตั้งชื่อเด็กตามเรื่องราวของเด็กคนนั้น หรือเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นตามค่านิยมของครอบครัว
เมื่อมองไปยังห้องเรียนรอบโลก มีนักเรียนมากมายหลายเชื้อชาติที่เรียนอยู่ในบริบทภาษาและวัฒนธรรมของอีกที่หนึ่ง บางครอบครัวย้ายถิ่นฐานจากเอเชียไปตั้งรกรากในอีกประเทศ ลูก ๆ เลยได้เข้าเรียนในโรงเรียนท้องถิ่นของที่นั่น และในวันแรกของการเรียนก็พบว่า ครูออกเสียงชื่อพวกเขาไม่ถูกต้อง นักเรียนหลายคนเลือกที่จะเก็บเงียบ ไม่ยอมบอกครู ด้วยวัฒนธรรมบางอย่างที่ทำให้เขาไม่กล้าบอก ขณะที่บางคนเลือกที่จะบอก แต่
สุดท้ายครูและเพื่อนในห้องกลับมองข้าม และหัวเราะกับเรื่องนี้แทน
ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ กับนักเรียนผิวสีและนักเรียนที่มีพ่อแม่ย้ายถิ่นฐานมายังประเทศใหม่ แต่การเรียกชื่อนักเรียนผิดบ่อย ๆ ส่งผลเสียอีกหลายด้าน นักเรียนบางคนถึงขั้นลาออกจากโรงเรียนเลยด้วยซ้ำ
ผลกระทบต่อนักเรียนเมื่อชื่อถูกเรียกผิด
- สูญเสียอัตลักษณ์
เคยไหมที่นักเรียนต้องเปลี่ยนชื่อเมื่อไปเรียนต่างประเทศ เพราะชื่อเดิมที่พ่อแม่ตั้งให้เป็นชื่อในภาษาถิ่นที่ครูและเพื่อนไม่สามารถออกเสียงได้ถูกต้อง หรือนักเรียนอาศัยอยู่ต่างประเทศอยู่แล้ว แต่ครอบครัวมีพื้นเพจากอีกประเทศหนึ่งที่ใช้ภาษาของตัวเอง นี่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงกับ Yee Wan นักเรียนเชื้อสายจีนอายุ 17 ปี ที่ได้ชื่ออเมริกันใหม่ว่า “Winnie” จากครูหลักสูตรปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 (ESL) เพื่อให้ชื่อของเธอง่ายต่อการเรียก
สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอเป็นแรงผลักดันให้เกิดแคมเปญ My Name, My Identity ภายใต้ความร่วมมือกับ Santa Clara County Office of Education (SCCOE) เพื่อให้ความรู้กับผู้คนถึงผลกระทบต่อเด็กจากการออกเสียงชื่อผิด และเสนอแนวทางแก้ไขที่เริ่มจากโรงเรียนและชุมชน
เรื่องราวแบบนี้ยังเกิดขึ้นกับนักเรียนผิวสีได้เช่นเดียวกัน Rehman Abdulrehman ศาสตราจารย์ด้านการวิจัยจากมหาวิทยาลัย Manitoba และนักจิตวิทยาเด็ก เห็นจากประสบการณ์การทำงานของเขาว่า การออกเสียงชื่อผิดทำให้เกิดความทุกข์ทางจิตใจกับผู้ป่วยเด็กได้อย่างไรบ้าง เพราะเท่ากับเราปฏิเสธอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมและชาติพันธุ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ใหญ่ เราทำให้เด็กจำนวนมากรู้สึกอับอายในอัตลักษณ์ของตัวเองในแบบต่าง ๆ ส่งผลให้เด็กเหล่านี้พยายามแสดงออกหรือพยายามทำตัวให้ดูเหมือนคนผิวขาว หรือคนส่วนใหญ่ของประเทศนั้นเพื่อให้ได้รับการยอมรับ
Rehman สร้างเครื่องมือทดสอบอคติ และรวบรวมข้อมูลจากผู้คนมากกว่า 6,000 คน เขาได้คำตอบว่า คนจำนวนมากมีอคติโดยธรรมชาติกับคนผิวสี มองว่าคนกลุ่มนี้เป็นต่างชาติ นักวิชาการบางคนก็มองว่า การออกเสียงชื่อผิดอยู่เรื่อย ๆ เป็นรูปแบบหนึ่งของการเลือกปฏิบัติและการเหยียดเชื้อชาติที่ฝังอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา
- ขาดความมั่นใจในตนเอง
เมื่อครูออกเสียงชื่อนักเรียนผิดอยู่เรื่อย ๆ นักเรียนจะเริ่มสร้างกำแพงขึ้น ส่งผลให้เขาขาดความมั่นใจในตนเอง ไม่ได้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคม โดยเฉพาะตอนที่เกิดการล้อเลียนชื่อและถูกเพื่อนในห้องหัวเราะเยาะ จริงอยู่ที่การออกเสียงชื่อนักเรียนให้ถูกต้องอาจเป็นเรื่องยาก หากเป็นชื่อที่มาจากอีกภาษาหนึ่งด้วยแล้ว ครูอาจออกเสียงไม่ได้ถูกต้อง 100% แต่อย่างน้อยที่สุดครูควรพยายามอย่างเต็มที่ เพราะหากมีการขานชื่อในห้องเรียน แล้วนักเรียนไม่ได้ตอบรับ เพราะเข้าใจว่า ไม่ใช่ชื่อของตัวเอง ประสบการณ์แบบนี้จะยิ่งทำให้นักเรียนปลีกตัวออกจากสังคมมากขึ้น
ชื่อภาพ : ชื่อนักเรียน
- ผลการเรียนแย่ลง
การขาดความมั่นใจในตนเองจะส่งผลต่อการเรียนรู้ของนักเรียน นักเรียนที่ขาดความมั่นใจ หรือรู้สึกอับอายเมื่ออยู่ต่อหน้าเพื่อนจะไม่สามารถเรียนรู้ได้ดี ครูควรช่วยเหลือนักเรียนด้วยการส่งเสริมความเข้าใจเรื่องวัฒนธรรมที่หลากหลายทั้งในห้องเรียนและโรงเรียน ไม่ให้มีนักเรียนที่ถูกเยาะเย้ยหรือทำให้อับอายเพียงเพราะเขามีชื่อ อัตลักษณ์หรือวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนคนอื่น ซึ่งการเรียนรู้ที่จะออกเสียงชื่อนักเรียนให้ถูกต้องถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการปลูกฝังเรื่องนี้ ช่วยให้นักเรียนปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ ของโรงเรียนได้ง่ายขึ้น
- รู้สึกไม่มีตัวตน
เคยมีเหตุการณ์ที่เด็กอนุบาลที่ใช้ภาษาสเปนเป็นภาษาแม่ไม่ได้รับการเช็กชื่อจากครูว่าเข้าเรียนเป็นเวลาหลายสัปดาห์ เพราะครูออกเสียงชื่อเด็กไม่ถูกต้อง เด็กจึงไม่รู้ว่าครูเรียกชื่อตัวเองอยู่ การออกเสียงชื่อเด็กผิดจะทำให้เด็กรู้สึกว่า ไม่มีตัวตนในชั้นเรียน
- ส่งผลต่ออารมณ์และสังคมของนักเรียน
นักเรียนที่มาจากครอบครัวที่พ่อแม่อพยพมา หรือเป็นนักเรียนในกลุ่มชาติพันธุ์มีโอกาสน้อยมากที่จะเจอกับครูในโรงเรียนที่เป็นเหมือนพวกเขาหรือมาจากที่เดียวกัน ลองนึกดูว่า หากพ่อแม่ย้ายไปอยู่สหรัฐอเมริกา โอกาสที่เด็กจะเจอครูไทยที่โรงเรียนจะมีสักกี่เปอร์เซ็นต์ ฉะนั้น โอกาสที่นักเรียนเหล่านี้จะเจอครูที่พูดภาษาไทยจึงมีน้อยมาก ความลำบากไม่มีแค่เรื่องภาษาเท่านั้น แต่หลักสูตรการเรียนที่นักเรียนต้องเจอยังแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากหลักสูตรที่เขาคุ้นเคยที่บ้านเกิดอีกด้วย
การศึกษาในปี 2012 โดย Rita Kohli และ Daniel Solórzano พบว่า การออกเสียงชื่อนักเรียนผิดเป็นหนึ่งในการคุกคามขนาดย่อมที่เป็นอันตราย การศึกษานี้พบตัวอย่างมากมายของนักเรียนที่เกิดความอับอาย วิตกกังวล เพราะชื่อที่ถูกเรียกผิด ๆ มันทำให้นักเรียนเริ่มถอยห่างจากภาษา วัฒนธรรม และภูมิหลังของครอบครัวทีละเล็กทีละน้อย
ครูทำอะไรได้บ้างเพื่อลดการออกเสียงชื่อผิด
การออกเสียงชื่อนักเรียนผิดในครั้งแรกเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้หากเราไม่คุ้นเคยกับภาษานั้น ๆ สิ่งที่เราทำได้มีหลายอย่าง ได้แก่
- พยายามแก้ไข และเรียนรู้ที่จะออกเสียงให้ถูกแทนที่จะพูดติดตลกหรือหัวเราะ
ทัศนคติและความพยายามของครูในการเรียนรู้ที่จะออกเสียงชื่อนักเรียนอย่างถูกต้องมีความสำคัญต่อนักเรียนมาก ก่อนเปิดเทอมวันแรก ครูควรดูรายชื่อนักเรียนล่วงหน้า แล้วลองฝึกออกเสียงชื่อที่อ่านยาก เมื่อเจอหน้านักเรียนในวันแรก ควรบอกให้เขารู้ว่า ครูยินดีที่จะแก้ไขหากออกเสียงชื่อผิด
- ปลูกฝังวัฒนธรรมการเคารพเพื่อนที่มีความแตกต่างของภูมิหลังวัฒนธรรม
- ส่งเสริมสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน โดยเริ่มจากการออกเสียงชื่อให้ถูกต้อง
ในฐานะครูเราคงไม่อยากให้เรื่องนี้ส่งผลเสียในระยะยาวกับนักเรียนแน่ หากเพียงเรารู้ว่า เรื่องที่ดูเหมือนเป็นปัญหาเล็ก ๆ นี้จะมีผลกระทบ และสร้างบาดแผลทางจิตใจให้กับนักเรียนได้แบบฝังรากลึกขนาดไหน นักเรียนเองคงไม่คาดหวังว่า ครูจะเรียกชื่อเขาได้ถูกต้องเป๊ะ แต่เขาคงจะดีใจไม่น้อยที่ครูและเพื่อนพยายามที่จะออกเสียงให้ถูกต้องมากที่สุด เพราะมันกำลังสื่อความหมายว่า เขามีตัวตนอยู่จริงในที่แห่งนั้น
อ้างอิง
https://www.nea.org/advocating-for-change/new-from-nea/lasting-impact-mispronouncing-students-names
https://www.theedadvocate.org/the-lasting-impact-of-mispronouncing-students-names/
